OPPO ได้จัดการประชุมเพื่อเปิดเผยกลยุทธ์ใหม่ทางธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “Connecting Tomorrow, Together” เป็นแถลงการณ์เกี่ยวกับกลยุทธ์ใหม่ในการดำเนินธุรกิจในยุค 5G ให้กับคู่ค้าในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก และได้มีการประกาศการก่อตั้ง APAC Hub Center ในใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ภายในงานยังมีการประกาศว่ามีผู้ให้บริการเครือข่ายใหม่ถึง 15 ราย

ร่วมในโครงการ “5G Landing Project” และมีจำนวนผู้ให้บริการเครือข่ายมากกว่า 300 ราย รวมถึงพันธมิตรคู่ค้า และสื่อต่างๆ จากภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก เข้าร่วมการประชุมนี้ ทั้งยังได้ลองสัมผัสกับอุปกรณ์อัจฉริยะล่าสุด อย่าง OPPO 5G CPE T1 หรืออุปกรณ์รับส่งสัญญาณ 5G, หูฟังไร้สาย Enco Free True Wireless Headphones, อุปกรณ์ Cloud Gaming,แว่นตา AR, Under-Screen Camera หรือกล้องใต้หน้าจอในสมาร์ทโฟนในอนาคต และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย
การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ขององค์กร และการทำงานร่วมกับคู่ค้าเพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน
ตลาดในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่อการขยายตัวไปทั่วโลกของ OPPO ในวันนี้ OPPO ได้กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานเกือบ 100 ล้านคนในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก ด้วยความที่เป็นผู้นำด้านการตลาดสมาร์ทโฟนที่แข็งแกร่ง การมีทีมงานมืออาชีพ เครือข่ายพันธมิตรคู่ค้าที่แข็งแกร่ง ตลอดจนผลิตภัณฑ์และการบริการที่ได้รับการพัฒนามาโดยตลอด ทำให้ OPPO ได้กลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก
เทคโนโลยีการสื่อสารของสมาร์ทโฟนในยุคอนาคต นำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ มากมายในอุตสาหกรรม พร้อมกับแนวคิด “Think Globally, Act Locally” ที่ OPPO มุ่งมั่นพัฒนาทรัพยากรที่ดีระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดในพื้นที่ต่างๆ และความมุ่งมั่นที่จะปรับโครงสร้างกลยุทธ์ สำหรับการดำเนินธุรกิจทั่วโลก นอกจากนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีระบบการวิจัยและพัฒนา ในอีกสามปีข้างหน้า OPPO จะลงทุนมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะเสริมสร้างเทคโนโลยีอย่าง 5G, 6G, AI, AR และ Big Data ให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้มีการวางโครงสร้างเทคโนโลยีหลัก สำหรับฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ในยุคของการเชื่อมต่ออัจฉริยะ
ขับเคลื่อนการเปิดตัว 5G ในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก พร้อมพัฒนาการเชื่อมต่ออัจฉริยะ Ecosystem ใหม่
ในฐานะผู้บุกเบิก 5G ระดับโลก OPPO ได้จัดตั้ง Communication Standard Team ในปี 2558 และได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรมาตรฐานการสื่อสาร 5G กว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยมีการยื่นขอสิทธิบัตรระดับโลกกว่า 2,500 ฉบับ ซึ่งสำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ 5G นั้น OPPO ได้เปิดตัว “OPPO 5G Landing Project” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่บาร์เซโลนา และร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำระดับโลก ในการปล่อยสมาร์ทโฟนรุ่น Reno 10x Zoom 5G ในสวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และอิตาลี
นอกจากนี้ รายงานจากบริษัทวิจัยตลาด GfK ระบุว่า ในปี 2562 ภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก มียอดขายสมาร์ทโฟนแล้วถึง 50% ของยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก และจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตของตลาด ควบคู่ไปกับการศึกษาความต้องการของตลาดไปพร้อมกัน โดยยุค 5G ที่กำลังจะมาถึงนี้ คาดว่าจะมียอดส่งออกสมาร์ทโฟนถึง 170 ล้านหน่วยทั่วโลก และในปี 2563 จากการเปิดตัว 5G ที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก จะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภูมิภาคอีกด้วย นอกจากนี้อัตราการเติบโตของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเทคโนโลยี (รวมถึง IoT และอุปกรณ์อื่นๆ) ในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก จะเติบโตเป็นอย่างมากในปี 2563 และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5%
ภายในงาน พันธมิตรคู่ค้าที่เข้าร่วมโครงการ “OPPO 5G Landing Project” ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมคู่ค้ารายใหม่อีก 15 รายในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก โดยในอนาคต APAC Hub Center แห่งนี้ OPPO จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับคู่ค้า เพื่อมอบประสบการณ์ 5G ที่ล้ำสมัยให้แก่ผู้ใช้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก
นอกจากนี้ Qualcomm ยังได้ร่วมมือกับ OPPO เพื่อสร้างแพลตฟอร์มมือถือล่าสุดอย่าง Snapdragon 865 ที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในรุ่นพรีเมี่ยมของปี 2563 และเพื่อรองรับ 5G ในภูมิภาค Qualcomm ยังได้ติดตั้ง Snapdragon X55 5G Modem ใน OPPO 5G CPE T1 ที่ทำการเปิดตัวในสุดยอดการประชุมนี้อีกด้วย
การเปิดตัว 5G เชิงพาณิชย์ระดับโลก และการปรับปรุงเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง OPPO เชื่อใน ‘การเชื่อมต่ออัจฉริยะ’ และความสามารถของอุปกรณ์อัจฉริยะ ซึ่งจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง
OPPO ยังได้จัดแสดงชุดอุปกรณ์อัจฉริยะที่กำลังจะมาถึง เช่น OPPO 5G CPE T1, Enco Free True Wireless Headphones, แว่นตา AR รวมถึงเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก อย่างเทคโนโลยีชาร์จไว, 5G, การถ่ายภาพ และ การเพิ่มประสิทธิภาพในด้านซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ OPPO 5G CPE T1 หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณ 5G ยังเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อที่มีการพัฒนาขึ้นโดย OPPO สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้งานภายในบ้าน และที่ทำงานพร้อมทั้งสร้างมุมมองและประสบการณ์ในการใช้งาน 5G แอปพลิเคชัน และการใช้งาน Wi-Fi ได้อย่างเต็มสปีด OPPO 5G CPE T1 ยังขับเคลื่อนโดยโมเด็ม Qualcomm Snapdragon X55 5G ในการซัพพอร์ตแบบ Standalone (NSA) และ Non-Standalone (SA) Modes, การแบ่งปันคลื่นความถี่แบบไดนามิก (DSS) และ 5G Roaming ทั่วโลก
หูฟังยังเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือที่กำลังเติบโตที่สำคัญในยุค 5G โดยหูฟังไร้สายอย่าง OPPO Enco Free true wireless ที่ได้เปิดตัวในงานนั้น ยังใช้เทคโนโลยีบลูทูธ Dual-Pass ที่มีความถี่ต่ำ พร้อมกับลำโพง Ultra-Dynamic นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ช่วยลดเสียงรบกวนที่ทำงานโดย AI ซึ่ง OPPO มีแผนที่จะเปิดตัวหูฟัง Enco Free ในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิกในเดือนมกราคม 2563 ในราคา 499 ริงกิต (ประมาณ 120 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยจะประกาศราคาของภูมิภาคอื่นๆ ในภายหลัง