Insight Daily

Tencent Cloud แนะโซลูชันคลาวด์สำคัญ ตัวช่วยผู้ประกอบการพร้อมรับปี 2566

เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล หรือการทำ Digital transformation แน่นอนว่า ‘คลาวด์-เอไอ’ เป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ กลุ่มธุรกิจคลาวด์ ภายใต้ เทนเซ็นต์ หนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลกจึงได้นำเสนอโซลูชันคลาวด์-เอไอให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรดิจิทัล โดยในปี 2566 ธุรกิจต่างๆ จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบดิจิทัล ตลอดจนยกระดับการให้บริการผ่านเทคโนโลยีคลาวด์-เอไอเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

จากรายงาน Worldwide Digital Transformation Spending Guide จัดทำโดยไอดีซี (IDC) บริษัทที่ปรึกษา และวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก พบว่า ในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 และหลังจากสถานการณ์เริ่มการฟื้นตัว องค์กรต่างๆ ในเอเชีย/แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น และจีน) ได้เร่งการสร้าง Digital engagement รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์และบริการทางดิจิทัล เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า รวมถึงการปรับแต่ง Customer Journey แบบ Personalized ซึ่งจะกลายเป็นไฮไลต์สำคัญที่ผลักดันให้การทำ Digital transformation เติบโตอย่างมั่นคง

มร. ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ส่งผลให้การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเทคโนโลยีคลาวด์-เอไอ ยังสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานได้อีกเช่นกัน และในฐานะ ‘Digital Enabler’ เทนเซ็นต์ คลาวด์ มุ่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน และการบริการดิจิทัลในประเทศไทยให้กับผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรม”

โซลูชันด้านความปลอดภัย หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในยุค Digital-First

ปัจจุบันกิจกรรมทางธุรกิจดิจิทัลมากมายล้วนแต่ต้องอาศัยการส่งต่อ จัดเก็บ คิดคำนวณ และถ่ายโอนข้อมูลแบบออนไลน์ องค์กรจึงต้องศึกษาข้อมูลเรื่องการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้รอบด้าน เพื่อให้การขยายขีดความสามารถของธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเทนเซ็นต์ คลาวด์ มีโซลูชันคลาวด์ด้านความปลอดภัย ที่พร้อมให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ตามโจทย์ความต้องการ ตัวอย่างเช่น

โซลูชันด้านเสียง และวิดีโอ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า

ปัจจุบันการสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายด้วยเสียง และวิดีโอแบบดิจิทัล กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ องค์กรจึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ถอดแบบมาจากการติดต่อแบบพบหน้ากันได้อย่างไร้รอยต่อ โซลูชันคลาวด์ และ AI ของ Tencent Cloud ที่สามารถรองรับความต้องการด้านนี้ มีอยู่มากมาย ได้แก่

โซลูชันเพื่อการขยายธุรกิจสู่ประเทศจีนแบบครบวงจร (China Connect)

หากพูดถึงการขยายตลาดต่างประเทศในยุคนี้ จีนถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจที่จะเข้าไปสร้างโอกาสทางธุรกิจ แต่การทำธุรกิจในจีนอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะตลาดจีนมีความเฉพาะตัวค่อนข้างสูง ทั้งในแง่ของสภาพการแข่งขัน พฤติกรรมผู้บริโภค กฎข้อบังคับ วัฒนธรรมต่างๆ ด้วยเหตุนี้ การมีพาร์ทเนอร์ที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในตลาดจีน รวมถึงมีเทคโนโลยี และดาต้าที่พร้อมใช้งานถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การเปิดประตูสู่ตลาดจีนเป็นไปอย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จ

โซลูชันเพื่อพัฒนา Web3 และ Metaverse รองรับ Mega Trend ที่กำลังมา

Web 3 คือ อีกขั้นของอินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน และผู้สร้างสรรค์คอนเทนท์สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ เทนเซ็นต์ คลาวด์ พร้อมนำเสนอเครื่องมือ และโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งานง่าย และปลอดภัย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง และปรับขนาดของ Web3 ได้ โดยโซลูชันเหล่านี้ของเทนเซ็นต์ คลาวด์พัฒนาขึ้นภายใต้ 5 แกนหลักสำหรับการสร้างแพลตฟอร์มบน Web3 ได้แก่

การผสานเทคโนโลยีดิจิทัล และเศรษฐกิจได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อหลายๆ องค์กร โดยมีเทคโนโลยีเป็นกลไกสำคัญของการเปลี่ยนแปลงท่ามกลางยุค “การหลอมรวมดิจิทัลเข้าสู่โลกความจริง” (Immersive Convergence) ปัจจุบันนี้กระแสการใช้เทคโนโลยีได้เติบโตและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือนและโลกความเป็นจริงแข็งแกร่งมากขึ้น อาทิ การใช้เสียง/วิดีโอ, แบบจำลองเสมือน, การโต้ตอบระยะไกล, การผสานรวม AR VR และ MR, เอไอ, บล็อกเชน และคลาวด์คอมพิวติ้ง ทางเทนเซ็นต์ คลาวด์จึงได้ให้การสนับสนุนโซลูชันต่างๆ ที่หล่อหลอมมาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านเสียง/วิดีโอและเกมแก่องค์กรเพื่อพัฒนาธุรกิจในด้าน Metaverse ให้สมจริงดังนี้

“เทนเซ็นต์ คลาวด์ มุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ทุกองค์กรประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในโลกยุคดิจิทัล ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันคลาวด์ที่หลากหลาย พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจเชิงลึกในด้านการให้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 70 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลก และการมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง ที่ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว เสถียร และปลอดภัย รวมถึงการมีทีมงานคนไทยที่มีเชี่ยวชาญให้การสนับสนุน และคำแนะนำต่างๆ ให้ธุรกิจสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ นำไปสู่การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจในโลกดิจิทัล” มร. ชาง กล่าวสรุป

 

Exit mobile version