เจาะลึก ASUS ROG Ally, Lenovo Legion Go และ Steam Deck OLED แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร?
กระแสเครื่องเล่นเกมพกพากลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลังจากปล่อยให้ Nintendo ครองตลาดมาอย่างยาวนานแบบไร้คู่แข่ง จนมาถึงช่วงปี 2021 เจ้าพ่อวงการเกมดิจิทัลกระโดดลงมาแข่งในตลาดนี้อย่างจริงจัง และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญ จนกระทั่งในปี 2023 ถือว่าเป็นยุคทองของเครื่องเล่นเกมพกพาอีกครั้ง เริ่มต้นด้วยแบรนด์ใหญ่อย่าง ASUS เปิดตัว ROG Ally ถัดมาเป็น Lenovo Legion Go และล่าสุดเป็น Steam Deck OLED ดังนั้นในครั้งนี้เราดูกันหน่อยว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง
🔹ดีไซน์
เริ่มต้นกันด้วยรุ่น ASUS ROG Ally มีดีไซน์ทันสมัยสไตล์เกมเมอร์ ตามหลัก Ergonomic พร้อมน้ำหนักเบาเพียง 608 กรัม ทำให้จับถือเล่นนานๆ ได้ไม่เมื่อยล้า ถัดมาเป็นรุ่น Lenovo Legion Go นับเป็นเครื่องที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดขนาด 8.8 นิ้ว ดีไซน์เรียบง่าย และด้วยน้ำหนักมากที่สุดถึง 854 กรัม จึงอาจส่งผลต่อการพกพาและการจับถือ สุดท้ายเป็นรุ่น Steam Deck OLED ยังคงใช้ดีไซน์แบบรุ่นก่อนหน้านี้ แต่มีการขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นเป็น 7.4 นิ้ว และมีน้ำหนักเบาลงเหลือแค่ 640 กรัม เท่านั้น กล่าวโดยสรุปในเรื่องการดีไซน์เป็นความชอบของแต่ละบุคคล แต่ภาพรวมทั้ง 3 รุ่น มีดีไซน์ที่สวยงามตามแบบฉบับของตัวเอง ดังนั้นชอบแบบไหนเลือกอันนั้นได้เลย ^^
🔹ระบบปฏิบัติการ
ทั้ง 3 รุ่น มีเพียง Steam Deck OLED เท่านั้น ที่รันบน SteamOS 3 ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานจาก Linux เพื่อการเล่นเกมบน Steam โดยเฉพาะ และด้วยความที่เป็นระบบเปิดจึงทำให้มีนักพัฒนาทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นคอยอัปเดตระบบให้ดีขึ้น ถัดมาเป็นรุ่น ASUS ROG Ally กับ Lenovo Legion Go ทั้งคู่รันบน Windows 11 Home ซึ่งเป็นระบบที่เกมเมอร์ทุกคนคุ้นเคย จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาปรับตัวแต่อย่างใด
🔹ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ถือได้ว่าเครื่องเล่นเกมพกพาทั้ง 3 รุ่น มีฟีเจอร์ที่ค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควร ดังนั้นมาเริ่มต้นกันที่ ASUS ROG Ally รุ่นนี้ถือว่ามีจุดเด่นในด้านของแอคเซสเซอรี่ที่มาสามารถเชื่อมต่อเข้ากับคอนโทรลเลอร์ไร้สาย แท่นชาร์จพร้อมคุณสมบัติต่อจอแยกได้ รวมไปถึงยังรองรับการใช้งานร่วมกับการ์ดจอแยกที่มีความแรงระดับ GeForce RTX 4090 เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเกมมิ่งเดสก์ท็อปย่อมๆ เลยก็ว่าได้
ถัดมาดูกันที่ Lenovo Legion Go กันบ้าง ความน่าสนใจของรุ่นนี้อยู่ที่ตัวเครื่องสามารถถอดคอนโทรลเลอร์ออกจากตัวเครื่องได้ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเข้ากับ Legion Glasses แว่นตา AR ที่ใช้งานเป็นหน้าจอได้ทันที เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์เล่นเกมไปอีกระดับ
สุดท้ายมาดูกันที่ Steam Deck OLED รุ่นนี้ถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อน โดยภาพรวมส่วนใหญ่จะเป็นการอัปเกรดในส่วนของฮาร์ดแวร์ เช่น หน้าจอใหญ่ขึ้น แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น รวมไปถึงความจุของเครื่องที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
🔹สเปกเครื่อง
ทั้ง 3 รุ่น จัดได้ว่ามีสเปกเครื่องอยู่ในระดับท็อปทั้งสิ้น ดังนั้นเรามาดูกันสักหน่อยว่าแต่ละรุ่นมีความแรงระดับไหน?
เริ่มต้นที่ ASUS ROG Ally ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังชิปรุ่นท็อป AMD Ryzen Z1 Extreme มีจำนวน 8 คอร์ 16 เธรด มาพร้อมกับชิปกราฟิก AMD Radeon RDNA จำนวน 12 คอร์ ส่วน RAM มีให้ในระดับ 16GB (LPDDR5) ซึ่งทาง Asus ยังการันตีว่ารุ่นนี้สามารถรันภาพ 1080P ได้อย่างได้อย่างสมูท
ถัดมาที่ Lenovo Legion Go รุ่นนี้ในด้านความแรงก็ไม่เป็นสองรองใคร เพราะภายในเลือกใช้ชิปประมวลผลและมี RAM แบบเดียวกับรุ่น Asus ROG Ally เลย ดังนั้นจึงมั่นใจได้ถึงความแรง
มาต่อกันที่ Steam Deck OLED ที่มีขุมพลังเป็น AMD Zen 2 มีจำนวน 4 คอร์ 8 เธรด พร้อมชิปกราฟิก AMD RDNA 2 จำนวน 12 คอร์ มี RAM 16GB LPDDR5 ถ้ามองภาพรวมของสเปกเครื่อง Steam Deck OLED อาจดูด้อยกว่า Asus ROG Ally และ Lenovo Legion Go เล็กน้อย
🔹ราคา
ถ้ามองในแง่ของประสิทธิภาพต่อราคาคงต้องยกให้กับ Steam Deck OLED เพราะค่อนข้างคุ้มค่าที่สุดในราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาท สำหรับในรุ่น 512GB ส่วน Lenovo Legion Go จะเป็นรุ่นที่มีราคาสูงที่สุด ซึ่งวางขายในราคา 27,990 บาท แต่ถ้ามองในแง่ของฟีเจอร์ก็ถือว่าเข้าใจได้ สำหรับ ASUS ROG Ally มีราคาย่อมเยาลงเล็กน้อยประมาณ 24,990 บาท
เครื่องเล่นเกมพกพาทั้ง 3 รุ่น มีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์เกมเมอร์ต่างกัน รวมไปถึงมีราคาที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อควรคำนึงถึงความต้องการของเราก่อน และเลือกให้ตรงกับงบที่เรามี เพื่อจะได้เครื่องเกมที่ถูกใจเราที่สุด
▶︎ อัปเดตข่าวสาร และบทความต่างๆ
คลิกดูต่อที่ insight-daily.com ได้เลย!



