รีวิว ASUS Zenbook 14 OLED (UX3405) โน้ตบุ๊กดีไซน์มินิมอลแบบฉบับตระกูล Zenbook ผสานเทคโนโลยี AI

เอกลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของตระกูล Zenbook คือเรื่องของการออกแบบอย่างพิถีพิถัน รวมถึงการใช้วัสดุคุณภาพ และมีงานประกอบที่ดี โดยรุ่นนี้ยังคงมาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

ด้านการออกแบบมีความโดดเด่นด้วยฝาหลังลวดลายเป็นลายเส้น ประดุจงานศิลปะให้ความรู้สึกเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความหรูหรา อีกทั้งยังเพิ่มความพรีเมียมไปอีกระดับด้วยโทนสีน้ำเงินเข้ม (Ponder Blue)

ตัวเครื่องเลือกใช้วัสดุอลูมิเนียมจึงมีคุณสมบัติที่แข็งแรงและทนทาน สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ ด้วยความที่ตัวเครื่องมีความบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และหนัก 1.2 กิโลกรัม ทำให้พกพาได้อย่างสะดวกคล่องตัว

รุ่นนี้เลือกใช้หน้าจอพาเนล OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดสูงระดับ 3K ส่วนขอบจอด้านบนมีกล้องความละเอียด Full HD มีฟังก์ชัน IR รองรับฟีเจอร์ Windows Hello สำหรับปลดล็อคด้วยใบหน้า รวมถึงมีฉากปิดเลนส์เพื่อความเป็นส่วนตัว

คีย์บอร์ดมีขนาด 75% โดยเป็นปุ่มแบบ Chiclet ทำให้มีลักษณะแบน ให้สัมผัสนุ่มขณะพิมพ์ พร้อมไฟแบ็คไลท์ ถัดลงมาด้านล่างมีทัชแพดขนาดค่อนข้างใหญ่ใช้งานได้สะดวกและรองรับฟังก์ชัน Numpad

พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ของรุ่นนี้ค่อนข้างครบครัน ได้แก่ USB 3.2 Gen 1 (Type-A), Thunderbolt 4 & USB-C, HDMI 2.1 และ 3.5 มม. (Combo Audio Jack)

รายละเอียดสเปค ASUS Zenbook 14 OLED (UX3405)

• Operating System : Windows 11 Home
• Processor : Intel Core Ultra 9 185H 2.3 GHz (16 cores, 22 Threads, Intel AI Boost NPU)
• Graphics : Intel Arc Graphics
• Display : OLED 14 นิ้ว ความละเอียด 3K (2880 x 1800 พิกเซล, 120Hz, HDR, 600nits)
• RAM : 32GB (LPDDR5X)
• Storage : 1TB (M.2 NVMe PCIe 4.0)
• Ports : USB 3.2 Gen 1 Type-A, Thunderbolt 4, HDMI 2.1, 3.5mm (Combo Audio Jack)
• Network : Wi-Fi 6E (802.11ax, Dual band 2*2) + Bluetooth 5.3
• Battery : 75WHrs, 2S2P, 4-cell Li-ion
• Power Supply : TYPE-C, 65W AC Adapter
  Military Grade : US MIL-STD 810H military-grade standard

ระบบปฏิบัติการ

รุ่นนี้มาพร้อมกับ Windows 11 Home ซึ่งถือเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดจาก Microsoft ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Create Connect Play” ดังนั้นจึงเหมาะกับทั้งการใช้ทำงานและการเล่นเกม รวมถึงมีการปรับปรุงหน้าตา UI ให้ดูทันสมัย และมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาอีกพอสมควร นอกจากนี้ถือเป็นระบบปฏิบัติการแรกที่รองรับฟีเจอร์ AI (Microsoft Copilot) อีกด้วย

— ฟีเจอร์เด่น

บาง เบา คล่องตัว 

ความบางเบานับเป็นเอกลักษณ์สำคัญของตระกูล Zenbook เลยก็ว่าได้ โดยที่รุ่นนี้ยังคงความโดดเด่นนั้นไว้ ด้วยความบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และหนักเพียง 1.2 กิโลกรัม และด้วยความที่ตัวเครื่องมีความบางเบาขนาดนี้ จึงช่วยให้ผู้ใช้จับถือหรือพกพาได้อย่างคล่องตัว รวมถึงยังสามารถกางหน้าจอออกได้มากถึง 180 องศา อีกด้วย

เทคโนโลยีจอภาพ OLED 

หน้าจอ OLED ถือว่าเป็นตัวชูโรงของโน้ตบุ๊กแบรนด์ ASUS เลยก็ว่าได้ ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยี OLED ก็คือการแสดงเฉดสีที่แม่นยำ ให้รายละเอียดคมชัด มิติที่สมจริง โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดสูงถึงระดับ 3K (2880×1800 พิกเซล) นอกจากนี้ยังสามารถแสดงขอบเขตสี รวมถึงความแม่นยำของสีได้ตามมาตรฐาน Pantone Validated อีกด้วย

จากการทดสอบด้วยการเปิดดูวิดีโอบน YouTube ที่ความละเอียด 4K พบว่าสามารถถ่ายทอดรายละเอียดภาพได้คมชัด รวมถึงการแสดงเฉดสีที่เป็นธรรมชาติและไม่จัดจ้านจนเกินไป ทำให้ดูได้นานไม่เกิดอาการตาล้า และด้วยความที่หน้าจอมีอัตรา Refresh Rate สูงถึง 120Hz จึงยิ่งทำให้ภาพลื่นไหลและสมูท

นอกจากนี้ยังเลือกปรับขอบเขตสีของจอได้ตามการใช้งาน ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 โหมด เช่น โหมด sRGB สำหรับใช้งานทั่วไป และโหมด DCI-P3 & Display P3 สำหรับดูภาพยนตร์

Copilot AI

นับเป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด็ดบน Windows 11 เลยก็ว่าได้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ ด้วยความสามารถอันหลากหลาย เช่น ช่วยค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยสร้างรูปภาพ หรือแม้กระทั่งช่วยเขียนโค้ดโปรแกรมก็ทำได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายๆ เพียงคลิกที่บริเวณทาสก์บาร์ด้านล่างขวาหรือกดคีย์ลัด Win + C

ด้วยความที่รุ่นนี้มาพร้อมชิป Intel AI Boost (NPU) ซึ่งหากผู้ใช้ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นที่จะต้องใช้งานร่วมกับโปรแกรมที่รองรับ AI ด้วยเช่นกัน ซึ่งภายใน Windows 11 ก็มีโปรแกรมพื้นฐานที่รองรับด้าน AI แล้ว เช่น Edge, Paint, Photos, Clipchamp และ Snipping Tool เป็นต้น

คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม

ด้านระบบเสียงของรุ่นนี้ก็เรียกได้ว่ามีคุณภาพในระดับแถวหน้า ซึ่งมาพร้อมลำโพงไฮเอนด์แบรนด์ Harman Kardon ผสานกับระบบเสียง Dolby Atmos

หลังจากทดสอบพบว่าเป็นโน้ตบุ๊กอีกหนึ่งรุ่นที่ฟังเพลงได้ไพเราะเลยทีเดียว โทนเสียงไปทางใสฟังสบาย รายละเอียดเครื่องดนตรีชัดเจน แม้ว่าเบสจะไม่หนักก็ตาม และเมื่อปรับไปที่ระดับเสียง 100% ก็ไม่พบอาการลำโพงแตกแต่อย่างใด

ทดสอบเล่นเกม

แม้ว่าโน้ตบุ๊กตระกูล Zenbook ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ แต่ด้วยความที่รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปกราฟิก Intel Arc ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชันใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพื่อตอบโจทย์การเล่นเกมมากขึ้น โดยภายในมีคอร์ประมวลผลด้านกราฟิก (Xe-cores) สูงสุดถึง 8 คอร์ รวมถึงรองรับเทคโนโลยี XeSS (Xe Super Sampling) คือฟีเจอร์การอัปสเกลกราฟิกด้วย AI ที่จะช่วยปรับคุณภาพกราฟิกให้คมชัดระดับ 4K และยังช่วยเร่งอัตราเฟรมเรตให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ที่ช่วยในเรื่องการจำลองแสงเงาและรองรับ DirectX 12

จากการทดสอบพบว่าสามารถเล่นเกม Dota 2 ด้วยความละเอียดระดับ Quad HD (2560×1440 พิกเซล) ได้อย่างสบาย มีอัตราเฟรมเรตเฉลี่ยประมาณ 60-120 fps นั่นหมายความว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการสะดุดให้เสียอรรถรสแต่อย่างใด

ทดสอบแบตเตอรี่

เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ระบบแสดงระยะเวลาใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมง 45 นาที (โหมดปกติ) และใช้งานได้ประมาณ 9 ชั่วโมง 35 นาที (โหมดประหยัดพลังงาน) ดังนั้นหากใช้งานแค่โปรแกรม Office หรือเข้าอินเทอร์เน็ตการเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานก็จะช่วยยืดระยะเวลาใช้งานไปได้อีกพอสมควร ทั้งนี้ระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้ด้วย หากใช้งานโปรแกรมที่มีความจำเป็นต้องใช้พลังการประมวลผลสูงระยะเวลาของแบตเตอรี่ก็จะลดลงตามไปด้วย

กล่าวโดยสรุป

โน้ตบุ๊กรุ่นนี้มีความเพียบพร้อมไปด้วยขุมพลังรุ่นใหม่รวมถึงมีดีไซน์มินิมอลอันเป็นเอกลักษณ์ หากใครที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง พกพาง่าย และครอบคลุมการใช้งานได้หลากหลาย รุ่นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย