รีวิว vivo V50 Lite และ vivo Watch GT สองอุปกรณ์ใหม่ พลังแบตฯ BlueVolt อึดจนขอท้าให้ลอง!
vivo V50 Lite สมาร์ตโฟน vivo V50 Series รุ่นล่าสุดของ vivo ประเทศไทย ซึ่งถ้าหากดูจากสเปกและราคาจำหน่ายแล้ว ก็น่าจะพอบอกได้ว่า V50 Lite จะเข้ามาประจำตำแหน่งทางการตลาดของเมืองไทยในฐานะมือถือน้องเล็กคนสุดท้องของ vivo V50 Series ในปีนี้ครับ
โดยในภาพรวม vivo V50 Lite จะเป็นสมาร์ตโฟนที่ได้จุดเด่นและเอกลักษณ์ของ vivo Y200 ในด้านงานดีไซน์อย่าง ‘Flat Design’ มาปรุงรสใหม่ให้ดูพรีเมียมขึ้น! ผสมผสานเข้ากับ Signature การถ่ายภาพบน vivo V50 อย่าง ไฟ ‘Aura Light’ และการถ่ายภาพระดับมืออาชีพเข้าไว้ด้วยกัน จนออกมาเป็น vivo V50 Lite ที่มีความกลมกล่อมและลงตัวขึ้น
นอกจากนี้ ยังมี vivo Watch GT สมาร์ตวอตช์น้องใหม่ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่อยากแนะนำให้ลอง เพื่อเพิ่มความลงตัวและประสบการณ์การใช้งานขั้นสุด ไม่ควรพลาดเลยเช่นกันครับ เพราะเป็นสมาร์ตวอตซ์ที่มีคุณสมบัติการใช้งานที่ครบเครื่องในราคาที่เข้าถึงได้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. Specification / รายละเอียดสเปก
2. Design / งานออกแบบ
3. Durability / ความทนทาน
4. Battery / แบตเตอรี่
5. Camera / กล้องถ่ายรูป
6. Performance / ประสิทธิภาพ
7. AI Power / การใช้งาน AI
8. vivo Watch GT
9. Conclusion / บทสรุป
10. Price & Availability / ราคาและการวางจำหน่าย
/ Specification ข้อมูลสเปกตัวเครื่องvivo V50 Lite
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด 2392 x 1080 พิกเซล (FHD+)
— Refresh Rate 120Hz
— ความสว่างสูงสุด 1800nits
— ความหนาแน่นพิกเซล : 387ppi
— ความอิ่มตัวของสี : 105% NTSC
— ขอบเขตของสี : DCI-P3 100% - CPU : MediaTek Dimensity 6300
— Octa-core Processor 2.4GHz
— 6nm - GPU : Mali G57
- RAM 8GB (LPDDR4x) + Extended RAM 8GB
- ROM 256GB (UFS 2.2)
- Funtouch OS 15 (Android 15)
- กล้องถ่ายรูป Dual Camera
— กล้องหลัก ความละเอียด 50MP (SONY IMX882, F1.79)
— กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra wide) ความละเอียด 8MP (F2.2)
— ไฟแฟลช Aura Light แบบ Dual Tone
— โหมดถ่ายภาพ : Night, Portrait, Photo, Video, 50 MP, Pano, Documents, Slo-mo, Time-lapse, Supermoon, Pro, Dual View, Live Photo - กล้องหน้า ความละเอียด 32MP (F2.45)
— โหมดถ่ายภาพ : Night, Portrait, Photo, Video, Dual View, Live Photo - รองรับซิมการ์ด
— Nano SIM
— 5G + 5G Dual SIM Dual Standby - รองรับเครือข่าย
— 2G GSM : 850 / 900 / 1800 / 1900 MHz
— 3G WCDMA : B1 / B2 / B4 / B5 / B8
— 4G FDD-LTE : B1 / B2 / B3 / B4 / B5 / B7 / B8 / B19 / B20 / B28
— 4G TD-LTE : B38 / B39 / B40 / B41
— 5G : n1 / n3 / n5 / n7 / n8 / n20 / n28 / n38 / n40 / n41 / n77 / n78 - Bluetooth 5.4
- Wi-Fi : 2.4 GHz / 5GHz
- USB-C Port
- ทนน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP65
- การหาตำแหน่ง : GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
- แบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6500mAh
— ชาร์จไว FlashCharge 90W - สีตัวเครื่อง
— สีทอง Titanium Gold
— สีดำ Phantom Black
— สีม่วง Fantasy Purple
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง vivo V50 Lite
- คู่มือการใช้งานและรับประกัน
- เคสป้องกันเครื่อง (Soft case)
- สายชาร์จ USB-C
- อแดปเตอร์ชาร์จ FlashCharge 90W
/ Design สวย บาง และพรีเมียม ท้าให้สัมผัส!
vivo V50 Lite มากับจุดเด่นด้านดีไซน์ตัวเครื่อง คือ ‘ขอบตัวเครื่องเงา, จอแบน, เพรียวบาง และให้สัมผัสที่พรีเมียม’ เมื่อแรกสัมผัสผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้สึกเหมือนผมว่า V50 Lite เป็นสมาร์ตโฟนที่มีจอแสดงผลแบนและขอบตัวเครื่องเหลี่ยมเงาที่สวย และหรูที่สุดของ vivo ในเวลานี้ โดยเฉพาะสี Titanium Gold สีทองประกายที่เป็นสีหลักของ vivo V50 Lite ซึ่งเมื่อมารวมเข้ากับดีไซน์ตัวเครื่อง ยิ่งให้ความรู้สึกที่หรูหรา โฉบเฉี่ยว แต่ก็มีความเรียบง่าย เป็นสมาร์ตโฟนจอ Flat ที่สัมผัสดีมาก ๆ ในด้านดีไซน์
บริเวณขอบเครื่องทั้ง 4 ด้านจะมีความเงาด้วยผิวสัมผัสแบบ High-Gross ให้ความรู้สึกพรีเมียม ในขณะที่ด้านหน้าจะมาพร้อมกับจอแสดงผล AMOLED แบบแบนราบขนาด 6.77 นิ้ว มีขอบจอบที่บางมาก ๆ (Ultra Narrow Bezel) ทำให้ตัวจอมีอัตราส่วน Screen to Body Ratio มากถึง 94.2% สามารถมอบประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ บนจนได้อรรถรสยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังสามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ท่ามกลางแสงแดดจ้าได้คมชัด ด้วยความสว่างบนจอสูงสุด 1800nits มีค่า Refresh Rate สูงสุดถึง 120Hz และผ่านการรองรับจาก SGS Low Blue Light Certification ลดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมสายตา ในขณะที่ตัวเครื่องมีขนาดที่บางเพียง 7.79 มม. มีน้ำหนักเพียง 197 กรัม เป็นไซซ์ที่สามารถพกพาง่าย จับถนัดมือเป็นอย่างมาก
vivo V50 Lite มาด้วยกันทั้งหมด 3 สี ให้เลือก
- สีทองไทเทเนียม (Titanium Gold) การผสมผสานที่เปล่งประกายของความแข็งแกร่งและความงาม สะท้อนความอบอุ่นยามเย็น เปล่งประกายด้วยความหรูหราแบบ เรียบง่าย แต่พรีเมียม
- สีม่วงแฟนตาซี (Fantasy Purple) ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามในโทนสีพาสเทลของท้องฟ้ายามพลบค่ำ ผสมผสานโทนสีมวงอ่อนกับพื้นผิวที่ประกายระยิบระยับอย่างอ่อนโยน
- สีดำแฟนทอม (Phantom Black) สีดำแฟนทอม โทนสีที่ลึกลับและนุ่มนวล พร้อมประกายระยิบระยับ สร้างสมดุลระหว่างความลึกลับและความประณีต
/ Durability แข็งแรง ทนทาน ไปได้กับทุกไลฟ์สไตล์
vivo V50 Lite เป็นอีกหนึ่งสมาร์ตโฟนของ vivo ในปีนี้ ที่ภายนอกมากับดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยและเพรียวบางจนดูน่าทะนุถนอม แต่ความจริงคือ แข็งแรง ทนทาน การันตีด้วยมาตรฐานด้านความแข็งแรงและความทนทานของตัวเครื่องครบทุกมิติการใช้งานเลยล่ะครับ ซึ่งผ่านมาตรฐานด้วยกัน 3 อย่าง คือ
- มาตรฐานระดับ 5 ดาวจาก SGS ในด้านการป้องกันการตกกระแทกทุกรูปแบบ (Overall Unit Drop Resistance Certification)
- มาตรฐานความทนทานระดับทหาร MIL-STD-810H (Military – Grade Certification)
- มาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่น IP65
/ Battery แบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6500mAh ใช้งานยาวนานตลอดวัน จนท้าให้ลอง!
ในด้านพลังงานแบตเตอรี่ก็หายห่วงได้เลย! เพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวันทำงานแน่นอน เพราะ vivo V50 Lite มากับแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6500mAh ซึ่งมีจุดเด่นคือ แบตอึด บนขนาดที่บางเฉียบที่สุดของ vivo และเสริมด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว 90W FlashCharge
จากประสบการณ์ใช้งานจริงที่ผมได้ใช้มาเกือบ 3 สัปดาห์ ขอยกมือยืนยันอีกเสียงครับว่าแบตเขาอึดจริง! ชาร์จเต็มตอนออกจากบ้าน จากนั้นก็ใช้งานทั่วไป เช่น ถ่ายรูป ฟังเพลง นำทาง เล่นเกม ฯลฯ ภายใน 1 วัน ตั้งแต่เช้าจนกลับบ้านช่วงค่ำ แบตเตอรี่ยังเหลือให้ใช้ต่อมากถึง 30-40% สามารถเล่นต่อได้อีกจนจะเข้านอนเลยล่ะครับ
ซึ่งทั้งหมดก็เป็นผลมาจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่ BlueVolt ของ vivo ที่ตัวแบตเตอรี่พัฒนาจากวัสดุและเทคโนโลยีแบตแบบ Semi-solid (บนพื้นฐานแบต Li-ion) ไปจนถึงการปรับแต่งกระบวนการผลิต มอบอายุการใช้งานแบตที่ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับความเร็วในการชาร์จไปอีกขั้น จึงทำให้แบตเตอรี่มีความหนาแน่นสูง อายุการใช้งานยาวนาน และชาร์จเร็วพิเศษ เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่มือถือทั่วไป โดยทาง vivo การันตีสุขภาพและประสิทธิภาพการใช้งานแบตแม้ผ่านการชาร์จไปแล้วถึง 1,700 รอบ ภายในระยะเวลา 5 ปี
/ Camera กล้องถ่ายรูป 50MP พร้อมไฟ Aura Light เอกลักษณ์ที่สืบทอดจาก vivo V Series
vivo V50 Lite มากับกล้อง Dual Camera โดยที่กล้องหลักเลือกใช้เซนเซอร์ SONY IMX882 ความละเอียด 50MP (F1.79) ทำงานร่วมกับกล้องเลนส์มุมกว้าง (Wide Angle) ความละเอียด 8MP (F2.2) ให้ FOV กว้าง 120 องศา และมีไฟ Aura Light มาตรฐาน Studio ช่วยเสริมด้านมิติของแสงสว่างตอนถ่ายพอร์ตเทรต
จุดเด่นของกล้องถ่ายรูปชุดนี้บน vivo V50 Lite คือ การมอบภาพถ่ายที่สีสันสดใส รายละเอียดคมชัด เก็บภาพได้ดีในสภาพแวดล้อมแสงน้อย และจะเก่งขึ้นอีกถ้าใช้งานร่วมกับไฟ Aura Light ที่ให้แสงสว่างที่นวลและสวย สามารถเพิ่มมิติของตัวแบบในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตกลางคืนได้ดี รวมทั้งยังมีระยะเลนส์ 2X ที่เป็น Optical Zoom มอบระยะถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่สวยและคม
หน้าอินเทอร์เฟซและเมนูกล้องถ่ายรูป vivo V50 Lite
ภาพรวม ยังเป็นกล้องถ่ายรูปที่โดดเด่นในด้านการถ่ายพอร์ตเทรตเหมือนรุ่นพี่ vivo V50 ถึงแม้อาจจะไม่ครบเครื่องและมีลูกเล่นแพรวพราวเหมือนกัน แต่ก็เพียงพอที่จะมอบภาพถ่ายที่สวยและมีมิติให้ได้เช่นกันครับ ชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง vivo V50 Lite เพิ่มเติมที่ด้านล่างได้เลย!
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง vivo V50 Lite
» ภาพถ่ายทั่วไป
» โหมดภาพถ่ายบุคคล (Portrait)
» โหมดกลางคืน (Night)
» ภาพถ่ายเปิดใช้ไฟออร่า (Aura Light)
» ภาพถ่ายเปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้รูปทรงต่าง ๆ (Bokeh Effect)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า vivo V50 Lite
/ Performance ประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมพลัง AI
vivo V50 Lite ใช้ชิป MediaTek Dimensity 6300 เป็นหัวใจหลักในการประมวลผลและทำงานบนตัวเครื่อง ซึ่งเป็นชิปประมวลผลแบบ Octa-core ความเร็ว 2.4GHz ผลิตด้วยเทคโนโลยี 6nm ทำงานร่วมกับ RAM 8GB LPDDR4x สามารถเพิ่มพื้นที่ด้วยคุณสมบัติ RAM Extended ได้อีก 8GB ทำให้ตัวเครื่องสามารถมีพื้นที่ของ RAM ได้สูงสุดถึง 16GB และให้พื้นที่ความจำในเครื่อง (ROM) เป็นชนิด UFS 2.2 ขนาดความจุ 256GB และ 512GB
ผลทดสอบประสิทธิภาพด้วย Benchmark
vivo V50 Lite จะทำงานบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 15 (Base on Android 15) โดยทาง vivo มีการปรับแต่งอินเทอร์เฟซของ Funtouch OS ใหม่ ดูเรียบง่าย สบายตา ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มลูกเล่นด้าน AI เข้ามาให้ใช้งานด้วยครับ
หน้าอินเทอร์เฟซ Funtouch OS 15 (Android 15) ของ vivo V50 Lite
» การเล่นเกม
ประสบการณ์ในมุมการเล่นเกมบน vivo V50 Lite จากที่ได้ทดสอบเล่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG, Free Fire และ ROV บนตัวเครื่องไป ก็รู้สึกว่าเล่นเกมได้ราบรื่นดีครับ เล่นได้สนุก ถึงแม้ในบางเกม อย่างเช่น PUBG ตัวเครื่องจะสามารถปรับการแสดงผลกราฟิกได้ในระดับ HD เท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะได้รับประสบการณ์การเล่นที่ดีและได้อรรถรส
ส่วนการแตะการสัมผัสหน้าจอขณะเล่นความไวหรือการตอบสนองต่อการสัมผัสอาจมีต้องแตะหรือลากจอซ้ำบางในบางครั้ง แต่มีอาการดีเลย์น้อยมาก ซึ่งสำหรับผมก็รู้สึกว่าเพียงพอที่จะทำให้เราเล่นเกมได้สนุกและไม่หัวร้อนครับ นอกจากนี้ บนตัวเครื่องยังมีซอฟต์แวร์เกมมิ่ง สำหรับปรับแต่งทรัพยากรบนตัวเครื่องขณะเล่นเกมให้เหมาะสมอย่าง ‘Ultra Game Mode’ มาให้เหมือนเช่นเดิม
» ลำโพงคู่สเตอริโอ ปรับเสียงได้สูงสุด 400%
ด้านความบันเทิง ในส่วนของภาพตัวเครื่องก็ได้หน้าจอคุณภาพดีอย่าง จอแสดง AMOLED 2.5D แบบแบน (Flat Design) ขนาด 6.77 นิ้ว FHD+ มีอัตราสวนหน้าจอต่อตัวเครื่องถึง 95% ทำให้การรับชมภาพกว้างเกือบไร้ขอบเลยทีเดียวครับ ในขณะที่ถ้านำไปใช้รับชมคอนเทนต์ข้างนอกท่ามกลางแสงที่จ้าในช่วงเดือนเมษายนแบบนี้ ตัวหน้าจอมีค่าความสว่างสูงสุด 1800nits เพียงพอต่อการมองเห็นคอนเทนต์บนจอได้เป็นอย่างดี
หน้าจอใช้งานลื่นไหล โดยมีอัตรา Refresh Rate สูงสุดถึง 120Hz ช่วยให้เรารับชมภาพเคลื่อนไหวได้เนียนตาขึ้น และยังมาพร้อมการรองรับจาก SGS Low Blue Light Certification ว่าเป็นจอที่ช่วยลดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมสายตาเราด้วยครับ
ด้านภาพผ่านไป สำหรับด้านเสียงของ vivo V50 Lite ตัวเครื่องมีลำโพงเสียงสเตอริโคคู่บน-ล่าง ติดตั้งมาให้ พร้อมซอฟต์แวร์ปรับจูนเสียงและสามารถเพิ่มระดับความดังขึ้นไปสูงสุด 400% ได้ด้วย จากช่วงวันหยุดผมลองใช้ชมสตรีมมิ่งที่บ้าน พร้อมจัดสภาพแวดล้อมให้เหมือนโรงภาพยนตร์มากที่สุด ก็ถือว่าดูได้เพลินอยู่ครับ เพียงแต่เมื่อเราปรับเสียงขึ้นไปสุดที่ 400% มิติของเสียงก็จะดรอปลงไปด้วย ดังนั้นแนะนำว่าถ้าอยู่บ้าน ความดังเอาแค่ 80-100% ก็พอครับ แต่ถ้าใช้ข้างนอกบ้านใส่หูฟังไว้ฟังเพลงทำงานแบบไม่รบกวนใคร ก็จัดไปสัก 200-400% ได้เลยครับ เน้นดังฟังเพลิน
/ AI Power เสริมความเก่งและสนุกมากขึ้นด้วยพลัง AI
» AI Photo Enhance
เทคโนโลยี AI ที่นำมาใช้ประมวลผลภาพขั้นสูงช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงรายละเอียดในภาพ ทำให้ได้ภาพที่ชัดเจนและสดใสยิ่งขึ้น ถ้าใครถ่ายรูปมาแล้วภาพมีเบลอหรือรายละเอียดไม่ชัด สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ช่วยฟื้นฟูภาพได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกภาพจะกลับมาคมชัดเป๊ะ 100% นะครับ กะด้วยสายตา สามารถทำได้ชัดขึ้นประมาณ 80%
» AI Erase 2.0
น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับการใช้ AI ช่วยตรวจจับบุคคลอื่น ๆ ในภาพแบบอัตโนมัติ และสามารถเลือกลบเฉพาะบางบุคคลออกได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว โดยในเวอร์ชันใหม่ที่มากับ vivo V50 Lite ตัว AI ได้รับการพัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
» AI Screen Translation
ฟีเจอร์แปลภาษาด้วย AI ผ่าน Google Lens ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลขอความจากเว็บไซต์หรือบทความได้ง่าย ๆ โดยสามารถเรียกใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ 2 วิธีครับ
การเรียกใช้งาน :
1. ไปยังหน้าจอที่เราต้องการแปลภาษา > กดปุ่มโฮมค้าง > เลือกไอคอนสัญลักษณ์แปลภาษา
2. เรียก Sidebar จากขอบด้านข้างขวาของหน้าจอ > เลือกเมนู “การแปลหน้าจอ”
» Circle to Search
ฟีเจอร์ค้นหาข้อมูล ผ่านการแตะหรือวงกลมที่ข้อความหรือภาพบนหน้าจอ โดยระบบจะทำการค้นหาข้อมูลจาก Google และยังรองรับฟีเจอรค้นหาเพลงที่สามารถระบุและค้นหาเพลงที่กำลังเล่นบนสมาร์ตโฟนหรือ อุปกรณอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
การเรียกใช้งาน :
ไปยังหน้าต่างหรือรูปภาพที่เราต้องการค้นหาข้อมูล > กดปุ่มโฮมค้าง > วงล้อมรอบวัตถุที่ต้องการค้นหา
» Live text
ดึงข้อความจากภาพได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์ที่เร่งรีบ เพียงแค่แตะ ที่รูปภาพเพื่อดึงข้อความจากอินเทอร์เฟซโดยตรง รองรับมากถึง 15 ภาษา ได้แก่ จีน, อังกฤษ, ญี่ปุน, เกาหลี, สเปน, อิตาลี, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, อินโดนีเซีย, ดัตช์, ฮินดี, ไทย, มาเลย์ และฟิลิปปินส์
การเรียกใช้งาน :
ไปยังรูปภาพที่ต้องการคัดลอกข้อความ > เลือกไอคอนรูป “Text” ที่ขึ้นมุมขวา
/ vivo Watch GT สมาร์ตวอตซ์ที่ตอบรับทุกกิจกรรม
อีกหนึ่งไอเทมที่อยากแนะนำไปพร้อมกับ vivo V50 Lite นั่นก็คือ “vivo Watch GT” สมาร์ตวอตซ์รุ่นใหม่ของ vivo ประเทศไทย ที่มาพร้อมกับจุดเด่นน้ำหนักเบา แบตเตอรี่อึด ฟีเจอร์ใช้งานครบเครื่อง งานออกแบบที่สวยงาม หรูหรา และราคาที่เข้าถึงได้ครับ
“vivo Watch GT” เป็นสมาร์ตวอตซ์รุ่นแรกของ vivo ที่ใช้หน้าปัดเป็นทรงสี่เหลี่ยมให้ความรู้สึกที่คลาสสิก หรูหรา และมากับจอแสดงผลโค้ง 2.5D AMOLED ขนาด 1.85 นิ้ว ความละเอียด 380 x 450 พิกเซล ตัวเรือนมีน้ำหนักรวม 33 กรัมเท่านั้น (ไม่รวมสาย) ในอินเทอร์เฟซของนาฬิกาเราสามารถที่จะปรับเปลี่ยนหน้าปัด รวมถึงหน้า Shortcut Card ที่จะแสดง Widget ข้อมูลต่าง ๆ ได้ตามที่เราต้องการ
ในรุ่นสีขาว Cloud White (ในบทความ) จะมากับเฟรมหน้าปัดอะลูมิเนียมอัลลอยด์แบบด้านสีเงินอ่อน ตัดกับสีขาวของสายที่เป็นวัสดุหนัง Vegan Leather ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมียมมาก ๆ เลยล่ะครับ มีความเหมาะสมมาก ๆ ถ้าจะใส่ไปกิจกรรมทางสังคมหรือจัดเข้าชุดแฟชั่นในวันหยุด ซึ่งตัวสายสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายด้วยตัวล็อกและปุ่มปลดล็อคที่ด้านบนและล่างของตัวเรือน
ด้านข้างของตัวเรือนสมาร์ตวอตซ์จะมีเม็ดมะยม หรือ Digital Crown ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากนาฬิกาข้อมือคลาสสิก ใช้วัสดุสแตนเลสคุณภาพสูง มีความแข็งแรงทนทาน เสริมด้วยเทคนิคการขัดขอบที่ละเอียดและมีการนำสีแดงมาตัดกับสีเงินให้เด่น โดย Digital Crown จะถูกนำมาใช้เป็นปุ่มกดเพื่อเรียกใช้งานฟีเจอร์ได้ 3 ฟังก์ชัน
- เปิด – ปิด ตัวสมาร์ตวอตซ์ (กดค้าง)
- เข้าสู่หน้ารายการแอปพลิเคชั่น (App drawer)
- หมุนเพื่อเลื่อนเปลี่ยนเมนู รายการ หรือหน้าอินเทอร์เฟซที่ใช้งาน
เมื่อพลิกไปที่ด้านหลังของตัวเรือน vivo Watch GT ก็จะพบกับชุดเซนเซอร์การตรวจวัด และตัวชาร์จแบบ Pico Pin (dual Pins)
» Specification สเปกของ vivo Watch GT
- ขนาด : 45.8 × 39.6 × 11.2 mm
- น้ำหนัก : 33g (ไม่รวมสาย)
- สายนาฬิกายาว : 130–210 mm.
- จอแสดงผล : AMOLED ขนาด 1.85 นิ้ว ความละเอียด 390×450 พิกเซล
- วัสดุตัวเรือน : อะลูมิเนียมอัลลอยด์
- แบตเตอรี่ : ความจุ 505mAh
- พอร์ตชาร์จ : Pico Pin ( 2 Pins)
- มีไมค์และลำโพงในตัว
- ระบบปฏิบัติการ : vivo BlueOS
- เซนเซอร์ตรวจวัด : Optical Heart Rate and Blood Oxygen Sensor, Accelerometer, Gyroscope, Geomagnetic Sensor, Ambient Light Sensor
- รองรับ Bluetooth 5.3 BLE
- รองรับ NFC
- ระบบนำทางในตัว : GPS, Glonass, BeiDou, Galileo, Qzss
- รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Android เวอร์ชัน 8.0 ขึ้นไป และ iOS เวอร์ชัน 12 ขึ้นไป
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเรือน vivo Watch GT
- คู่มือการใช้งานและรับประกัน
- สายชาร์จพร้อมแป้นชาร์จ Pico Pin (2 Pins)
- สายนาฬิกา 1 คู่
» Usage การใช้งาน
vivo Watch GT จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชัน “vivo Health” ในการเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ตโฟนและสมาร์ตวอตซ์เข้าด้วยกัน โดยภายในแอปพลิเคชันจะสามารถเรียกข้อมูลด้านสุขภาพที่ตัวสมาร์ตวอตซ์ทำการเก็บบันทึกไว้ พร้อมกับปรับแต่งอินเทอร์เฟซต่าง ๆ เช่น หน้าปัด, ตั้งค่าใช้งานการแจ้งเตือน รวมไปถึงตั้งค่าเชื่อมต่อกับบัตรต่าง ๆ เพื่อใช้งานฟีเจอร์ NFC Access Card หรือการใช้ตัวสมาร์ตวอตซ์แตะสแกนแทนการ์ดต่าง ๆ เช่น บัตรโดยสารรถไฟฟ้า, บัตรเข้าตึกคอนโด, บัตรจอดรถ เป็นต้น
» Highlight Features จุดเด่นฟีเจอร์ของ vivo Watch GT
ด้านสุขภาพออกกำลังกาย
โหมดกีฬามากกว่า 100 โหมด : รองรับการออกกำลังกายด้วยโหมดกีฬามากกว่า 100 โหมด ครอบคลุมกีฬาทั้งกลางแจ้งและในร่ม ซึ่งในหน้าเมนูโหมดออกกำลังกายก็จะมีการแสดงค่าออกกำลังกายที่จำเป็นค่อนข้างครบเลยล่ะครับ เช่น โหมดวิ่ง ในโหมดจะมีการแสดง Heart rate zone เป็นแทบสีต่าง ๆ ให้เรารู้ พร้อมกับเวลาเฉลี่ยนในการเข้า Zone ด้วย
ตั้งค่าตามประเภทกีฬาเพิ่มเติม และมีโหมดสอนการออกกำลังกาย : ถึงแม้จะมีโหมดออกกำลังกายเบื้องต้นมาให้มากกว่า 100 โหมด แต่เราก็สามารถที่จะเพิ่มกิจกรรมออกกำลังกายหรือกีฬาที่เป็นกลุ่ม Niche activity เพิ่มเข้าไปในภายหลังได้ด้วยครับ รวมทั้งใครที่เริ่มต้นวอล์มอัปไม่เป็นหรือยืดเส้นหลังออกกำลังกาย เพื่อลดการบาดเจ็บไม่เป็น vivo Watch GT ก็มีโหมดสอนท่าเริ่มต้นให้ทำตามด้วย
Activity Incentive : เป็นลูกเล่นเล็ก ๆ สำหรับสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย โดยทาง vivo ได้ใส่ Achievement Badge กิจกรรมต่าง ๆ มาให้เราสะสมเมื่อทำกิจกรรมได้ตามเป้าหมายได้ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการลุกไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมในแต่ละวัน พร้อมกับสะสมเหรียญเป้าหมายให้สำเร็จ
สุขภาพการนอนหลับ
เทคโนโลยี CPC Cardiopulmonary Coupling Sleep Staging : vivo Watch GT มาพร้อมฟีเจอรติดตามการนอนแบบครบวงจรและแมนยำ ด้วยเทคโนโลยีช่วยวิเคราะหการนอน CPC Cardiopulmonary Coupling Sleep Staging ที่ล้ำสมัย สามารถระบุช่วงและอัตราส่วนของแต่ละช่วงการนอนได้อย่างแมนยำ ให้เห็นโครงสร้างการนอนและงีบของตนเองตลอดทั้งวัน
ฟีเจอร์ “Non-intrusive Infrared Monitoring During Nighttime : ที่ส่วนตัวผมชอบมาก ๆ และได้รับการชื่นชมและเสียงตอบรับที่ดีจาก vivo Watch 3 ด้วยครับ ฟีเจอร์การทำงานก็คือ เมื่อเซนเซอร์ตรวจพบว่าผู้ใช้กำลังเข้าสู่ภาวะการนอน นาฬิกาจะปิดไฟสีเขียวโดยอัตโนมัติ และใช้แสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็น เพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจแทน ทำให้ไม่รบกวนการนอนของเรา
สวมใส่สบาย vivo Watch GT มีน้ำหนักตัวที่เบาและสวมใส่สบายมาก ๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 33 กรัม ไม่รู้สึกอึดอัดหรือรำคาญ สามารถสวมใส่เข้านอนได้แบบสบายตัว เพื่อให้ตัวสมาร์ตวอตซ์ตรวจสอบสุขภาพอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนด้วย
วัดอัตราการเต้นของหัวใจและออกซิเจนในเลือดแบบเรียลไทม์
การใช้งานทั่วไป
นอกจากเก่งในด้านสุขภาพและการออกกำลังกายแล้ว ในด้านการใช้งานทั่วไปหรือใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากดูเวลา ดูการแจ้งเตือนต่าง ๆ แล้ว vivo Watch GT ยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้คล่องตัวมากขึ้นด้วยครับ
แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 21 วัน เมื่อใช้งานในโหมด Bluetooth : vivo Watch GT มากับแบตเตอรี่ความจุ 505mAh ซึ่งทาง vivo เคลมว่าสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 21 วัน จากที่ได้ทดสอบใช้งาน โดยมีการนำไปเข้ายิมออกกำลังต่อวันประมาณ 2 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 4 วัน มีการเปิดแจ้งเตือน, เปิด Always on Display, เปิดติดตาม Heart Rate และออกซิเจนในเลือดแบบเรียลไทม์ มีถอดตอนอาบน้ำและอยู่บ้านช่วงกลางวันและกลับมาใส่อีกทีตอนเข้านอน ภายในหนึ่งสัปดาห์ด้วย Activity ตามที่เล่าไป ผมสามารถใช้งาน vivo Watch GT จากการชาร์จเพียงครั้งเดียวนานถึง 5 วัน จนแบตเตอรี่หมด ส่วนตัวยกให้ว่าอึดจริง! อาจแพ้พวก Smart Band แต่กลุ่ม Smart Watch ทำได้ดีทีเดียว
ทนน้ำลึก 20 เมตร (2ATM) : vivo Watch GT สามารถใส่ทำกิจกรรมทางน้ำ อย่างเช่น ว่ายน้ำ อาบน้ำ ล้างมือ หรือลุยฝนได้เลยครับ เพราะตัวเรือนมีคุณสมบัติทนต่อน้ำตามมาตรฐาน 2ATM
ปลดล็อกสะดวกด้วยการเข้าถึง NFC Access Card : เป็นฟีเจอร์ที่หลายคนน่าจะชอบกันแน่นอนกับการใช้ vivo Watch GT แทนการ์ดในการแตะซื้อของ เข้าตึก เข้าห้อง หรือแม้แต่แตะผ่านประตูรถไฟฟ้า โดยเราสามารถลงทะเบียนการ์ดพร้อมตั้งค่าในแอปพลิเคชั่น vivo Heath ได้เลย ซึ่งตอนลงทะเบียนให้นำการ์ดที่ต้องการลงทะเบียน เช่น บัตร Wallet มาแตะที่ตัวสมาร์ตวอตซ์แล้วรอให้ตัวสมาร์ตวอตซ์อ่านค่าและทำการยืนยันได้เลยครับ
มาพร้อมหน้าจอแบบ Always-on Display : อีกหนึ่งคุณสมบัติของการใช้จอ AMOLED จึงทำให้ vivo Watch GT รองรับการแสดงผลหน้าปัดในโหมด Always on Display ได้ โดยตัวหน้าปัดของเราจะแสดงหน้าปัดนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาแต่เป็นการแสดงผลในสีขาว-ดำ โดยที่ใช้พลังงานต่ำ ให้ความรู้สึกเหมือนเราใส่นาฬิการอะนาล็อคอยู่นั่นเอง
รองรับการเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์ ทั้ง การโทร และรับการแจ้งเตือน : vivo Watch GT รองรับคุณสมบัติพื้นฐานของการเป็นสมาร์ตวอตซ์อย่าง “Second Display” หรือการเป็นจอที่สองให้กับผู้ใช้งานได้ครบถ้วน เพราะรองรับการแสดงผลตั้งแต่การแจ้งเตือนข้อความต่าง ๆ ทั้งจาก SMS บนสมาร์ตโฟน, สายที่ไม่ได้รับ ไปจนถึงข้อความจากแอปพลิเคชันทำงานหรือโซเชียลมีเดียได้ทั้งหมด รวมทั้งยังสามารถโทรออกและคุยสนทนาสายผ่านตัว Watch GT ได้เลย
/ Wrap-up บทสรุป
» vivo V50 Lite
เป็นสมาร์ตโฟนที่ส่วนตัวผมมองว่า เป็นรุ่นที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็น vivo Y Series และ vivo V Series ที่ทาง vivo นำเอกลักษณ์ของทั้งสองซีรีย์มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว โดยที่จะได้เอกลักษณ์งานดีไซน์ตัวเครื่องที่เน้นความเป็น Flat Design ของ vivo Y Series มาปรุงรสชาติใหม่ให้มีความพรีเมียม หรูหรา จนอาจเรียกได้ว่าเป็นรุ่นท็อปสุดของ vivo Y Series ก็ว่าได้ครับ
ในขณะเดียวกันก็ได้รับความเก่งในด้านการถ่ายภาพส่วนหนึ่งพร้อมกับสืบทอด Signature ของ vivo V Series อย่างไฟ Aura Light มาด้วย จึงทำให้เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเริ่มต้นของการเข้าถึงอารยธรรม vivo V Series ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อรวมเหตุผลทั้งหมดเข้าด้วยกัน vivo V50 Lite จึงเป็นสมาร์ตโฟนที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบมือถือแบบ Flat Design ที่ทั้งหน้าจอและตัวเครื่องมาในสไตล์แบนราบไปหมด ต้องการใช้งานยาว ๆ ตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ที่เยอะและอึดที่สุดในช่วงราคานี้ พร้อมกับชื่นชอบประสบการณ์การถ่ายภาพของ vivo V Series แต่อาจมีงบไปไม่ถึง หรือรู้สึกว่าไม่อยากเพิ่มงบเกินหลักพันบาท ถ้าคุณคือทั้งหมดที่ว่ามา “vivo V50 Lite” จะเป็นสมาร์ตโฟนที่ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้เป็นอย่างดีแน่นอนครับ
» vivo Watch GT
ส่วน vivo Watch GT เป็นอีกไอเทมที่ถ้าหากคุณพอมีงบเพิ่มอีกสักหน่อย ผมก็แนะนำให้ซื้อไปใช้งานร่วมกับ vivo V50 Lite ด้วยครับ เพราะนับเป็นสมาร์ตวอตช์ที่มีคุณสมบัติและฟีเจอร์พื้นฐานครบเครื่องมาก ๆ สามารถช่วยเพิ่มความคล่องตัว ความสะดวกในประจำวันได้ดี เพราะเขาจะทำหน้าที่เป็น “Second Display” ให้คุณได้เป็นอย่างดี โดยที่แทบจะไม่ต้องยกสมาร์ตโฟนขึ้นมาใช้งานบ่อย ๆ
เช่นเดียวกับคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย และกำลังต้องการหาอุปกรณ์เริ่มต้นมา Track กิจกรรมที่เราทำ หรือตรวจวัดสุขภาพเบื้องต้น เพื่อเป้าหมายในการดูแลสุขภาพ การเริ่มต้นที่ vivo Watch GT ก็เป็นอะไรที่ดีครับ เพราะมีฟีเจอร์ด้านการออกกำลังกายและสุขภาพที่ครบมาก ๆ และราคาก็พอที่เราจะเข้าถึงได้ไม่ยาก ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ มีไลฟ์สไตล์ทั้งสองส่วนตามที่ว่ามา ผมก็แนะนำให้ลองเปิดใจรับ vivo Watch GT ไปใช้ชีวิตร่วมกันได้เลยครับ
/ Price & Availability ราคา และการวางจำหน่าย
vivo V50 Lite มีสีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีทอง Titanium Gold, สีดำ Phantom Black และสีม่วง Fantasy Purple โดยในรุ่นความจุ 8GB + 256GB ราคา 9,999 บาท มีสีตัวเครื่องให้เลือกครบทั้ง 3 สี สำหรับรุ่นความจุ 12GB + 512GB ราคา 12,999 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ สีทอง Titanium Gold และสีดำ Phantom Black
เปิดจองแล้ววันนี้! รับเครื่องก่อนใคร พร้อมรับสิทธิพิเศษถึง 3 ต่อ*
ต่อที่ 1 : รับหูฟังไร้สาย vivo Buds (มูลค่า 1,799 บาท)
ต่อที่ 2 : กระเป๋า V.Friends Tote (มูลค่า 799 บาท)
ต่อที่ 3 : vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี, ประกันหน้าจอแตก 2 ปี (เปลี่ยนฟรี 1 ครั้ง) และประกันแบตเตอรี่ 5 ปี (หากสุขภาพแบตเตอรี่ต่ำกว่า 80% เปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรี 1 ครั้ง) (มูลค่า 7,999 บาท)
*โปรโมชันพิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ Pre-order ตั้งแต่วันที่ 22 – 25 เมษายน 2568 และรับเครื่องภายในวันที่ 27 เมษายน 2568 เท่านั้น
และสำหรับ vivo Watch GT มาพร้อมสายถอดเปลี่ยนได้ใน 2 ตัวเลือกสี ได้แก่ สีดำ Summer Black (สายซิลิโคน) และสีขาว Cloud White (สายหนัง) ราคา 3,999 บาท
พร้อมวางจำหน่ายให้จับจองเป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา, ช่องทางออนไลน์ Lazada, Shopee, Tiktok Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
#vivoV50Lite #แบตอึดจนขอท้า #BlueVoltBatterySoPro #vivoWatchGT
—————
▶︎ อัปเดตข่าวสาร และบทความต่างๆ
คลิกดูต่อที่ insight-daily.com ได้เลย!

























































































































