เมื่อราชันย์มือถือแอนดรอยด์อย่าง Samsung Galaxy S Series กำลังสิ้นมนต์ขลัง
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคมของปี 2013 บริษัทยักษ์ใหญ่วงการมือถืออย่าง ซัมซุง ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของบริษัทนามว่า Samsung Galaxy S4 กับเป้าหมายในการสืบทอดและต่อยอดความสำเร็จอันล้นหลามจากเสียงตอบรับที่มีต่อ Galaxy S3 ในปีก่อน จนทำให้ทาง ซัมซุง มีความคาดหวังที่สูงพอสมควรว่า สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของพวกเขา Galaxy S4 นั้น อาจกลายเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของบริษัท และอาจเป็นโทรศัพท์ที่ขายดีที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของสมาร์ทโฟน Android เลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่า เจ้า S4 ทำได้สำเร็จ!!
ด้วยยอดขายทั่วโลกมากกว่า 80 ล้านเครื่อง ตั้งแต่เริ่มวางจำหน่าย Galaxy S4 ซึ่งเป็นยอดขายที่มากที่สุดตั้งแต่ S Series ของซัมซุงเริ่มทำตลาด แต่ใครจะไปคิดว่าตัวเลข 80 ล้านเครื่องจะกลายเป็นความทรงจำไปอย่างรวดเร็ว หลังปีต่อมา Samsung Galaxy S5 วางจำหน่ายก็ทำยอดขายได้เพียงประมาณ 40 ล้านเครื่องทั่วโลกเท่านั้น หลังจากนั้น Galaxy S Series ของซัมซุงก็ไม่เคยทำยอดขายได้สูงถึง 80 ล้านเครื่องอีกเลย
จนลากยาวมาถึง Galaxy S9 ที่ว่ากันว่าน่าจะเป็นสมาร์ทโฟน S Series ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในรอบหลายปี ก็ยังทำยอดขายได้เพียง 32 ล้านเครื่องเท่านั้น ในขณะที่ Galaxy S10 ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยกับตัวเลข 36 ล้านเครื่อง จนมาถึงเรือธงรุ่นปัจจุบันอย่าง Samsung Galaxy S20 Series ที่ตอนนี้อาการหนักพอสมควร เจอปัญหารอบด้าน เพราะนอกจากเรื่องปัญหาการใช้งานที่ต้องตามแก้อัปเดตกันอยู่ ยังมีเรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 เข้ามาด้วย จนทำให้ล่าสุด Galaxy S20 Series มียอดขายรวมทั่วโลกคิดเป็นประมาณ 80% ของยอดขาย Galaxy S10 เท่านั้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเท่าที่ S Series วางจำหน่ายมาตลอด 11 ปี เลยก็ว่าได้
เส้นทางของ Samsung Galaxy S Series เริ่มต้นจากการเป็นมือถือที่ทุกคนมองว่า เป็นราชันย์แห่งโลกสมาร์ทโฟน Android ที่ก้าวขึ้นมากอบกู้เอกราชของเหล่ามวลมือถือ Android ในยุคนั้น ที่กำลังถูกอำนาจของ iPhone คุกคามอย่างหนัก พร้อมทั้งยังเป็นเสมือน Brand Ambassador ของ Android OS ให้กับ Google ด้วยก็ว่าได้ จนทำให้ผู้ใช้งานหลายคนเข้าใจไปว่า “Galaxy” เป็นสมาร์ทโฟน Android (แท้) เพียงรุ่นเดียวบนโลกใบนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อข้ามจากอดีตกลับมาสู่ปัจจุบันในตอนนี้ เรื่องราวเหล่านั้นกลายเป็นเพียงความทรงจำที่เอาไว้ให้พูดคุยเล่าเรืองกันเท่านั้น เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันของ Galaxy S Series ดูเหมือนว่ากำลังจะตกที่นั่งลำบากพอสมควร และเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับ ซัมซุง เลยที่เป็นเช่นนั้น แต่นั่น! ก็อาจจะเป็นเรื่องดีที่เข้ามาเตือนสติยักษ์เมาหมัดอย่าง ซัมซุง ว่านี่ อาจถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้ว!! เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่การแข่งขันและโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานเปลี่ยนไป
ซึ่งชัดเจนว่าผู้คนไม่ได้พุ่งเป้าหมายไปที่การซื้อโทรศัพท์ Galaxy S เป็นทางเลือกแรกเหมือนที่เคยทำในอดีต นอกจากนี้การแข่งขันและความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน Android OEMs ที่มีการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด มีแบรนด์จากจีนเข้ามาร่วมเล่นในตลาดมากมาย (Huawei, Xiaomi, OnePlus, realme) ยิ่งทำให้พื้นที่การแข่งขันของ Galaxy S โดนจำกัดมากขึ้นไปอีก
รวมถึงค่านิยม และกลุ่มเป้าหมายที่เคยเป็น Royality เดิมของแบรนด์ก็เปลี่ยนไป ผู้ใช้งานรุ่นใหม่ๆ ก้าวเข้าสู่ตลาด โดยมีความคิดริเริ่มที่จะกล้าเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับแบรนด์เดิมๆ เลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่ทรงพลัง ตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานได้ครบ มีจุดเด่นที่เจาะจง ในราคาที่ไม่สูงมากเกินไป ผิดกับในอดีตที่ผู้ใช้งานจะมองราคาเป็นทางเลือกสุดท้าย และเลือกไปที่แบรนด์ที่คุ้นเคยก่อนเป็นอันดับแรก
ดังนั้นถ้าหาก ซัมซุง ยังไม่เริ่มทำอะไรสักอย่างกับโปรดักส์และเทคโนโลยีของตัวเอง ในอนาคตอันใกล้เราอาจได้เห็นบัลลังก์ที่พวกเขานั่งมายาวนานหลายปี ถูกผู้เล่นหน้าใหม่แย่งชิงไปก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังไม่สามารถที่จะกาชื่อของ “Samsung” ออกจากความสำเร็จด้านยอดขายมือถือได้ เพราะพวกเขาเคยสร้างปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งตอนวางขาย Galaxy S4 เมื่อเจ็ดปีที่แล้วมาแล้ว และตอนนี้ Samsung ก็ยังคงเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลก ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะอยู่กับบริษัทอีกนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ถ้าหากพวกเขายังไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และยังคงเดินต่อไปอย่างช้าๆ แบบนี้ โอกาสที่บัลลังก์ตรงนั้นจะล่มสลายไปก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน
ที่มา : android authority






