Apple เปิดตัว iPhone 15 และ iPhone 15 Plus
iPhone 15 และ iPhone 15 Plus นับเป็นความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดสำหรับ iPhone ที่มีดีไซน์ใหม่สวยงาม มาพร้อมกระจกแต่งสีด้านหลังตัวเครื่องที่ทนทานและขอบมนแบบใหม่ อีกทั้งยังมี Dynamic Island, กล้องหลัก 48MP พร้อมเทเลโฟโต้ 2 เท่า และ USB‑C
Apple เปิดตัว iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ที่มาพร้อมกระจกแต่งสีด้านหลังตัวเครื่องครั้งแรกในอุตสาหกรรมที่มีผิวด้านสวยงาม และขอบมนแบบใหม่บนตัวเครื่องอะลูมิเนียม โดยทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อม Dynamic Island และระบบกล้องสุดล้ำที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้อย่างน่าอัศจรรย์ในทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิต กล้องหลัก 48MP ที่ทรงพลังทำให้ถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงเป็นพิเศษ
และตัวเลือกเทเลโฟโต้ 2 เท่าใหม่ ที่ให้การซูมแบบออปติคัลแก่ผู้ใช้ถึง 3 ระดับ เสมือนการมีกล้องตัวที่ 3 ผลิตภัณฑ์ตระกูล iPhone 15 ยังนำเสนอภาพถ่ายบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไป ที่ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลทำได้ง่ายขึ้นโดยเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วนและให้ประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยที่ดี นอกจากนี้ยังมีบริการช่วยเหลือบนท้องถนนผ่านดาวเทียมที่พัฒนาขึ้นบนโครงข่ายดาวเทียมที่ทันสมัยของ Apple เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจาก AAA ได้ในกรณีที่รถมีปัญหาเมื่ออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ
เมื่อบวกกับชิป A16 Bionic ที่พิสูจน์แล้วว่าทรงพลัง ขั้วต่อ USB‑C คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับค้นหาเพื่อนๆ ของฉัน และคุณสมบัติความทนทานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม กล่าวได้ว่านี่คือความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของทั้ง iPhone 15 และ iPhone 15 Plus iPhone 15 และ iPhone 15 Plus จะพร้อมวางจำหน่ายใน 5 สีใหม่ที่สวยงามสะดุดตา ได้แก่ สีชมพู สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีดำ โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน
ดีไซน์ที่สวยงามและทนทานพร้อมด้วยจอภาพสุดล้ำ
iPhone 15 และ iPhone 15 Plus มีจอภาพให้เลือกทั้งขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว1 และมาพร้อม Dynamic Island ซึ่งเป็นวิธีการโต้ตอบกับการแจ้งเตือนและกิจกรรมสดได้อย่างเหนือชั้น ประสบการณ์อันสวยงามที่ขยายออกและปรับเปลี่ยนได้อย่างไหลลื่น ทำให้ผู้ใช้เห็นเส้นทางถัดไปบนแผนที่ ควบคุมเพลงได้ง่ายดาย และยังผสานการทำงานกับแอปของบริษัทอื่นเพื่อรับสถานะอัปเดตแบบเรียลไทม์สำหรับการจัดส่งอาหาร การแชร์รถ ผลการแข่งขันกีฬา แผนการเดินทาง และอีกมากมาย
จอภาพ Super Retina XDR ยังเหมาะสำหรับการรับชมคอนเทนต์ การสตรีมการออกกำลังกาย และการเล่นเกม ซึ่งตอนนี้ความสว่าง HDR สูงสุดเฉพาะจุดสว่างได้ถึง 1600 นิต ดังนั้นรูปภาพและวิดีโอ HDR จึงดูสวยงามยิ่งกว่าที่เคย และในวันที่แดดแรง ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดขณะอยู่กลางแจ้งยังสว่างได้ถึง 2000 นิต หรือสว่างเป็น 2 เท่าของรุ่นก่อนหน้า

ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมหน้าตาโฉมใหม่ที่ดูหรูหราและสร้างมาให้ทนทานยาวนาน โดยนับเป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟนที่มีการแต่งสีในกระจกด้านหลังตัวเครื่องจนได้เป็น 5 สีสันที่สวยงาม กระจกด้านหลังตัวเครื่องยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยนไอออนคู่ที่ปรับปรุงใหม่ให้ดีที่สุด จากนั้นจึงขัดเงาด้วยอนุภาคผลึกนาโนและสลักลงบนผิวเพื่อสร้างพื้นผิวด้านที่ดูหรูหรา
ขอบมนแบบใหม่บนตัวเครื่องอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศให้สัมผัสที่ดียิ่งขึ้นเมื่ออยู่บนมือของผู้ใช้ อีกทั้งตัวเครื่องด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ก็ยังคงมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระจกไหนๆ บนสมาร์ทโฟน เมื่อรวมกับดีไซน์ที่มีความสามารถในการทนน้ำและฝุ่น2 และคุณสมบัติด้านความทนทานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม กล่าวได้ว่า iPhone นั้นใช้งานได้ทนทานคุ้มค่ายาวนานกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใดๆ อีกทั้งดีไซน์ด้านในยังให้ประสิทธิภาพที่ยั่งยืนและทรงพลัง ทั้งยังปรับปรุงเรื่องการซ่อมแซมให้ง่ายด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตสมผลยิ่งขึ้น

กล้องทรงพลังที่เก็บทุกช่วงเวลาด้วยความละเอียดสูงเป็นพิเศษ
ระบบกล้องสุดล้ำบน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ช่วยเก็บช่วงเวลาในแต่ละวันและทุกความทรงจำที่น่าประทับใจ กล้องหลัก 48MP ถ่ายภาพและวิดีโอได้คมชัด เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วยเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel และมี Focus Pixels 100% ช่วยให้ออโต้โฟกัสได้รวดเร็ว นอกจากนี้กล้องหลักยังใช้ขุมพลังในการประมวลผลภาพถ่ายเชิงคำนวณ
ทำให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้ด้วยค่าเริ่มต้นความละเอียดสูงเป็นพิเศษแบบใหม่ที่ 24MP ซึ่งให้คุณภาพของภาพอันน่าทึ่งด้วยขนาดไฟล์ที่เหมาะแก่การจัดเก็บและการแชร์ได้อย่างสะดวก อีกทั้งตัวเลือกเทเลโฟโต้ 2 เท่าที่ให้มาเพิ่มเติมซึ่งผสานการทำงานกันอย่างชาญฉลาดระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ยังมอบการซูมคุณภาพออปติคัลได้ถึง 3 ระดับ ได้แก่ 0.5 เท่า, 1 เท่า และ 2 เท่า นับเป็นครั้งแรกในระบบกล้องคู่ของ iPhone

iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ยังมีคุณสมบัติใหม่อย่างภาพถ่ายบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไปที่ให้รายละเอียดคมชัดมากขึ้น สีสันสดใสกว่าเดิม และปรับปรุงประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยให้ดีขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้จะถ่ายภาพบุคคลได้โดยไม่ต้องสลับไปเป็นโหมดภาพถ่ายบุคคล เพราะ iPhone จะเก็บข้อมูลชัดลึกโดยอัตโนมัติเมื่อมีบุคคล สุนัข หรือแมวอยู่ในเฟรมภาพ

หรือเมื่อผู้ใช้แตะจุดที่ต้องการโฟกัส ทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนรูปภาพดังกล่าวให้เป็นภาพถ่ายบุคคลที่สวยงามได้ในภายหลังในแอปรูปภาพบน iPhone, iPad หรือ Mac อีกทั้งยังควบคุมตามความสร้างสรรค์ได้มากขึ้นเพราะรองรับการปรับจุดโฟกัสไปยังตำแหน่งอื่นได้แม้หลังจากถ่ายภาพดังกล่าวแล้วก็ตาม การถ่ายภาพตอนกลางคืนก็ทำได้ดียิ่งขึ้นด้วยการปรับปรุงโหมดกลางคืนที่ให้รายละเอียดอันคมชัดและสีสันสดใสยิ่งกว่าเดิม

ในกรณีที่มีแสงสว่างจ้าหรือไม่สม่ำเสมอ คุณสมบัติ HDR อัจฉริยะใหม่รองรับการถ่ายภาพบุคคลและฉากหลังด้วยการเรนเดอร์โทนสีผิวที่สมจริงยิ่งขึ้น ให้รูปภาพที่มีส่วนไฮไลท์สว่างขึ้น ส่วนมิดโทนที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น และส่วนเงามืดที่ดำสนิทกว่าเดิมเมื่อดูในแอปรูปภาพ การเรนเดอร์ HDR ขั้นสูงดังกล่าวยังใช้งานได้กับแอปของบริษัทอื่น ดังนั้นภาพที่ได้จึงดูดีกว่าเดิมเมื่อแชร์ผ่านทางออนไลน์ โดยการปรับปรุงเหล่านี้มีประโยชน์ทั้งกับกล้องหลัก 48MP, กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องหน้า TrueDepth

ชิป A16 Bionic: ประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้วว่าทรงพลัง
ชิป A16 Bionic ที่เร็วและประหยัดพลังงานมอบประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้วแก่ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus โดยทำหน้าที่เป็นขุมพลังแก่ Dynamic Island รองรับการประมวลผลภาพถ่ายเชิงคำนวณ และอีกมากมาย โดย CPU แบบ 6-core มาพร้อมคอร์ประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ ที่ใช้พลังงานน้อยลง 20% และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์ สามารถทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าและจัดการกับงานหนักๆ ได้ง่ายดายโดยที่ยังคงมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเหลือเชื่อ

เช่นเดียวกับ GPU แบบ 5-core ที่มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 50% เพื่อกราฟิกที่ลื่นไหลระหว่างการสตรีมวิดีโอและการเล่นเกม สำหรับ Neural Engine แบบ 16-core ใหม่นั้นก็สามารถประมวลผลได้เกือบ 17 ล้านล้านรายการต่อวินาที ทำให้การประมวลผลด้านการเรียนรู้ของระบบสำหรับคุณสมบัติต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การถอดเสียงของวอยส์เมลแบบสดใน iOS 17 และแอปของบริษัทอื่น โดยทั้งหมดทำงานภายใต้การปกป้องความเป็นส่วนตัวที่สำคัญและรองรับคุณสมบัติด้านความปลอดภัย เช่น การใช้ Secure Enclave

ความสามารถในการเชื่อมต่อที่ทรงพลัง กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 ยังมอบวิธีชาร์จแบบใหม่ที่สะดวกกว่า รองรับการค้นหาเพื่อนในสถานที่พลุกพล่าน และให้คุณต่อติดได้ตลอดเวลาระหว่างการเดินทาง โดยทั้ง 2 รุ่นใช้ขั้วต่อ USB‑C ซึ่งเป็นมาตรฐานการชาร์จและการถ่ายโอนข้อมูลที่ได้รับการยอมรับเป็นสากล จึงใช้สายเส้นเดียวกันเพื่อชาร์จได้ทั้ง iPhone, Mac, iPad และ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ที่ได้รับการอัปเดตใหม่ ผู้ใช้ยังสามารถชาร์จ AirPods หรือ Apple Watch ได้โดยตรงจาก iPhone โดยใช้ขั้วต่อ USB‑C ด้วย3 และทั้ง 2 รุ่น ยังรองรับ MagSafe และการชาร์จแบบไร้สาย Qi2 ในอนาคต

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมชิปอัลตร้าไวด์แบนด์เจเนอเรชั่นที่ 2 ทำให้ iPhone ที่ใช้ชิปเดียวกันนี้ 2 เครื่อง เชื่อมต่อถึงกันได้ในระยะที่มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ iPhone 15 สามารถใช้คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับค้นหาเพื่อนๆ ของฉันในรูปแบบใหม่ เพื่อแชร์และค้นหาตำแหน่งของเพื่อนได้แม้ในสถานที่พลุกพล่าน ซึ่งคุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงดังกล่าวได้พัฒนาขึ้นภายใต้การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวแบบเดียวกับที่ผู้ใช้มั่นใจจากแอปค้นหาของฉัน

ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย

- iPhone 15 และ iPhone 15 Plus พร้อมวางจำหน่ายในสีชมพู สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีดำ โดยมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เลือกตั้งแต่ความจุ 128GB, 256GB และ 512GB ในราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท หรือ 3,290 บาท ต่อเดือน และ 37,900 บาท
- ประเทศไทย จะสามารถสั่งซื้อ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 19:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของวันศุกร์ที่ 15 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus
- เคสผ้า FineWoven แบบกระเป๋าสตางค์พร้อม MagSafe และเคสผ้า FineWoven พร้อม MagSafe จะพร้อมวางจำหน่ายในราคา 2,390 บาท โดยมีให้เลือก 5 สีใหม่สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 ได้แก่ สีดำ สีน้ำตาลอมเทา สีม่วงเข้มมัลเบอร์รี่ สีแปซิฟิกบลู และสีเขียวเอเวอร์กรีน
- นอกจากจะมีเคสใสสำหรับ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ที่พร้อมวางจำหน่ายในราคา 1,990 บาท แล้ว ยังมีเคสซิลิโคนพร้อม MagSafe ที่พร้อมวางจำหน่ายในราคา 1,990 บาท ในสีดำ สีน้ำเงินสตอร์มบลู สีเทาโคลน สีชมพูสว่าง สีชมพูกวาวา สีส้มซอร์เบ สีเขียวไซเปรส และสีวินเทอร์บลู
- iOS 17 จะพร้อมให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีในวันจันทร์ที่ 18 กันยายน
- ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนเป็นต้นไป iCloud+ จะให้บริการ 2 แผนใหม่ ได้แก่ 6TB ในราคา 999 บาทต่อเดือน และ 12TB ในราคา 1,990 บาทต่อเดือน เพื่อให้ผู้ใช้มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากขึ้นสำหรับไฟล์ รูปภาพ วิดีโอ และยังปลอดภัย เข้าถึงได้สะดวก และแชร์ได้ง่ายดาย แผนบริการใหม่ดังกล่าวเหมาะกับผู้ใช้ที่มีคลังรูปภาพและวิดีโอขนาดใหญ่หรือผู้ที่ใช้การแชร์กันในครอบครัว อีกทั้งยังมาพร้อมคุณสมบัติระดับพรีเมียมมากมาย เช่น Private Relay, คุณสมบัติซ่อนอีเมลของฉัน, โดเมนอีเมลแบบกำหนดเอง และการรองรับคุณสมบัติวิดีโอ HomeKit เพื่อความปลอดภัย
- ลูกค้าที่ซื้อ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus จะได้รับ Apple Arcade ฟรีเป็นระยะเวลา 3 เดือน เมื่อมีการสมัครบริการใหม่





