รีวิว ASUS Zenbook DUO UX8406MA นิยามใหม่ของ Productivity Laptop

” นิยามใหม่ของ Productivity Laptop ผสานนวัตกรรมสองหน้าจอ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานอย่างลงตัว ”

ASUS ถือเป็นแบรนด์ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กที่พัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง และหากพูดถึงโน้ตบุ๊กที่เน้นด้านการทำงานและการพกพา คงไม่มีใครที่ไม่นึกถึงซีรีส์ Zenbook อย่างแน่นอน โดยรุ่นที่ทีมงาน Insight Daily ได้รับมาทดสอบครั้งนี้ก็คือ ASUS Zenbook DUO เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ออกแบบมาเพื่อปฏิวัติวงการโน้ตบุ๊กสำหรับทำงานอย่างแท้จริงด้วยความสามารถที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมสองหน้าจอสำหรับการทำงานแบบมัลติทาสก์ ปรับโหมดใช้งานได้หลายรูปแบบ คีย์บอร์ดสามารถถอดแยกได้ รวมถึงรองรับทัชสกรีนและปากกาสไตลัส

ดีไซน์ตัวเครื่อง
ASUS Zenbook DUO ยังคงเอกลักษณ์งานดีไซน์ตามแบบฉบับของซีรีส์ Zenbook ไว้อย่างครบถ้วนนั่นคือเน้นความเรียบง่ายสไตล์มินิมอล แต่ยังคงแฝงไปด้วยความพรีเมียม

โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยฝาหลังที่มาพร้อมโลโก้ตราสัญลักษณ์ “A” ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผสานเข้ากับสีเทา (Inkwell Gray) ได้อย่างลงตัว

ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมจึงมีความแข็งแรงทนทาน รวมถึงตัวเครื่องมีความบางเพียง 14.6 มิลลิเมตร และหนัก 1.65 กิโลกรัม

รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีนพาเนล OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD อัตราส่วนภาพ 16:10 ส่วนขอบจอด้านบนมีกล้องความละเอียด Full HD มีฟังก์ชัน IR รองรับฟีเจอร์ Windows Hello สำหรับปลดล็อคด้วยใบหน้า

ปุ่ม Power ถูกจัดวางไว้ด้านบนออกแบบสวยงามดูกลมกลืนไปกับตัวเครื่อง ถัดมามีไฟแสดงสถานะ ส่วนการจัดวางคีย์บอร์ดมีขนาด 75% ด้วยลักษณะปุ่มเป็นสไตล์ Chiclet จึงให้สัมผัสนุ่มสบายขณะพิมพ์ ไม่มีเสียงรบกวน รวมถึงมีไฟแบ็คไลท์สามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ และด้านล่างมีทัชแพด

พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน ได้แก่ USB 3.2 Gen 1 (Type-A), Thunderbolt 4 & USB-C, HDMI 2.1 และ 3.5 มม. (Combo Audio Jack)

ตัวเครื่องด้านล่าง มีขาตั้ง Kickstand ที่สามารถกางออกได้กว้างสุด 70 องศา

รายละเอียดสเปค ASUS Zenbook DUO UX8406MA

  • Operating System : Windows 11 Home
  • Processor : Intel Core Ultra 7 155H 1.4 GHz (16 cores, 22 Threads, Intel AI Boost NPU)
  • Graphics : Intel Arc Graphics
  • Display : OLED 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1200 พิกเซล, Touch screen, 60Hz, HDR, 500nits)
  • RAM : 16GB (LPDDR5X)
  • Storage : 1TB (M.2 NVMe PCIe 4.0 SSD)
  • Ports : USB 3.2 Gen 1 Type-A, Thunderbolt 4, HDMI 2.1, 3.5mm (Combo Audio Jack)
  • Network : Wi-Fi 6E (802.11ax, Dual band 2*2) + Bluetooth 5.3
  • Battery : 75WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion
  • Power Supply : TYPE-C, 65W AC Adapter
  • Military Grade : US MIL-STD 810H military-grade standard

ระบบปฏิบัติการ
รุ่นนี้มาพร้อม Windows 11 Home ถือเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดจาก Microsoft ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Create Connect Play” ดังนั้นจึงเหมาะกับทั้งการใช้ทำงานและการเล่นเกม รวมถึงมีการปรับปรุงหน้าตา UI ให้ดูทันสมัย และมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาอีกพอสมควร นอกจากนี้ยังเป็นระบบปฏิบัติการแรกที่รองรับฟีเจอร์ AI (Microsoft Copilot) อีกด้วย

ฟีเจอร์เด่น

ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย

ไฮไลท์สำคัญของรุ่นนี้คือออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้านการทำงานอย่างแท้จริง และด้วยความที่มาพร้อมนวัตกรรมสองหน้าจอจึงช่วยให้มีพื้นที่ทำงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลายอีกด้วย อาทิเช่น

โหมด Dual Screen

โหมดนี้ออกแบบมาสำหรับทำงานแบบ Multitasking โดยเมื่อกางหน้าจอออกเราจะได้พื้นที่หน้าจอเพิ่มจากเดิม 14 นิ้ว เป็นขนาดใหญ่ถึง 19.8 นิ้ว อีกทั้งยังเลือกได้ว่าจะใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ดบลูทูธหรือ Virtual Keyboard ก็ได้
โหมด Desktop

โหมดนี้มาในรูปแบบหน้าจอแนวตั้งที่ให้ความรู้สึกเหมือนใช้จอมอนิเตอร์ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานด้านเอกสาร และการอ่านข้อมูลต่างๆ

โหมด Sharing
โหมดนี้สามารถกางหน้าจอได้ 180 องศา ช่วยให้วางราบไปกับโต๊ะเพื่อใช้เป็นสื่อประกอบในการนำเสนองานหรือการประชุม

จากการใช้งานพบว่าเมื่อทำงานบนหน้าจอขนาดใหญ่ 19.8 นิ้ว ช่วยเพิ่ม Productivity ในการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ App Switcher จะสามารถเปิดโปรแกรมได้พร้อมกันถึง 8 โปรแกรม แต่อัตราส่วนหน้าจอที่สามารถใช้งานได้ดีที่สุดเราแนะนำว่าไม่ควรเปิดเกิน 4 โปรแกรม เพื่อสะดวกต่อการใช้ นอกจากนี้หากต้องการใช้งานแบบจอใหญ่เต็มตาเราแนะนำให้เปิดใช้งานฟีเจอร์ ViewMax ก็จะยิ่งช่วยให้ทำงานง่ายขึ้นไปอีกระดับ

ปากกาสไตลัส

อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้ก็คือสามารถใช้งานร่วมกับปากกา ASUS Pen 2.0 ได้ โดยตัวปากกาทำจากโลหะ น้ำหนักค่อนข้างเบา จับถนัดมือ อีกทั้งยังใช้จด วาด เขียนได้อย่างแม่นยำด้วยความไว 4096 ระดับ รวมถึงสามารถเปลี่ยนหัวปากกาได้ถึง 4 แบบอีกด้วย

นอกจากนี้ Windows 11 ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับปากกาได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น ด้วยการใส่โปรแกรมพื้นฐานสำหรับการจดโน้ตไว้อย่างครบครัน อาทิเช่น Microsoft OneNote, Microsoft Whiteboard และ Microsoft Journal

เทคโนโลยี ASUS Lumina OLED

แม้ว่ารุ่นนี้จะมีหน้าจอ OLED ความละเอียดเพียง Full HD เท่านั้น แต่ด้วยความที่มาพร้อมเทคโนโลยี ASUS Lumina OLED จึงช่วยให้ยังคงถ่ายทอดรายละเอียดภาพได้คมชัด รวมถึงการแสดงสีสันที่สว่างสดใส

นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยี Dolby Vision ฟีเจอร์ด้านภาพที่จะช่วยดึงประสิทธิภาพสูงสุดของหน้าจอ OLED ออกมาเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมคอนเทนต์ ทั้งนี้ยังสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่านโปรแกรม Dolby Access ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมด Bright, โหมด Dark และโหมด Vivid

ระบบเสียง Dolby Atmos

เรื่องเสียงของรุ่นนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ไม่เป็นสองรองใคร ด้วยการใส่ลำโพงแบรนด์ไฮเอนด์ Harman Kardon มาให้ด้วย พร้อมผสานเข้ากับระบบเสียง Dolby Atmos อย่างลงตัว จึงให้ประสบการณ์เสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา
ทั้งนี้ยังสามารถปรับโหมดเสียงให้เหมาะกับการใช้งานได้ผ่านโปรแกรม Dolby Access ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมด Dynamic, โหมด Game, โหมด Movie, โหมด Music และโหมด Voice

Copilot AI

ฟีเจอร์เด็ดของ Windows 11 เป็นเสมือนผู้ช่วยอัจฉริยะที่มีความสามารถอันหลากหลาย อาทิเช่น ช่วยค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยสร้างรูปภาพ หรือช่วยเขียนโค้ดโปรแกรม ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายๆ เพียงคลิกที่บริเวณทาสก์บาร์ด้านล่างขวาหรือกดคีย์ลัด Win + C
รวมถึงจุดเด่นของโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ในตระกูล Intel Core Ultra ที่มาพร้อมกับชิป Intel AI Boost (NPU) จึงมีประสิทธิภาพการประมวลผลด้าน AI จึงสามารถนำไปใช้งานร่วมกับโปรแกรมพื้นฐานที่รองรับ AI บน Windows 11 ได้ด้วย เช่น Edge, Paint, Photos, Clipchamp และ Snipping Tool

การพกพา

แม้ว่ารุ่นนี้จะมีน้ำหนักมากกว่าโน้ตบุ๊กตระกูล Zenbook รุ่นอื่นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพกพาได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการจับถือ รวมไปถึงการใส่ในซองก็ทำได้สะดวกเช่นกัน

ทดสอบแบตเตอรี่

เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ระบบแสดงระยะเวลาใช้งาน ดังนี้

  • โหมดปกติ : ใช้งานได้ประมาณ 10 ชั่วโมง 40 นาที
  • โหมดประหยัดพลังงาน : ใช้งานได้ประมาณ 14 ชั่วโมง 45 นาที

ทั้งนี้ระยะเวลาของแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับโปรแกรมด้วย หากใช้โปรแกรมที่ต้องใช้พลังการประมวลผลสูงระยะเวลาของแบตเตอรี่ก็จะลดลงตามไปด้วย

กล่าวโดยสรุป

ASUS Zenbook DUO นับเป็นโน้ตบุ๊กที่มีนวัตกรรมตอบโจทย์การทำงานอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอใหญ่ช่วยให้มีพื้นที่ทำงานมากขึ้น และสามารถเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับการทำงาน รวมถึงมีคีย์บอร์ดแยกพร้อมปากกายิ่งช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้นไปอีก สำหรับใครที่กำลังต้องการโน้ตบุ๊กทำงานฟังก์ชันครบรุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

Leave a Reply

Discover more from InsightDaily

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading