รีวิว JBL TOUR PRO 2 หูฟังไร้สายแบบเคสและมีจอแสดงผลรุ่นแรกของโลก
JBL Tour Pro 2 หูฟังไร้สายแบบมีเคสชาร์จพร้อมจอแสดงผลที่เคสรุ่นแรกของโลก และเป็นรุ่นท็อปสุดในปีนี้ของกลุ่มสินค้าหูฟังไร้สายของ JBL ประเทศไทย แล้วด้วยครับ ดังนั้นถ้าใครที่เป็นแฟนบอยของ JBL และกำลังรอตัวจบในปีนี้อยู่ก็ได้เวลาตัดสินใจแล้ว!
เลือกอ่านตามหัวข้อ
JBL Tour Pro 2 เป็นหูฟังไร้สายที่มาพร้อมตัวเคสชาร์จ (Smart Charging Case) ที่มีหน้าจอสัมผัสแบบ LED ขนาด 1.45 นิ้ว ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายรุ่นแรกของโลกที่มีจอแสดงผลติดตั้งมาที่ตัวเคสชาร์จแบบนี้ โดยทาง JBL ให้นิยามว่า “หูฟังอัจฉริยะ” จากความสามารถบนจอที่ติดตั้งมานี่ล่ะครับ
หน้าจอแสดงผลที่อยู่บนเคสชาร์จที่เป็นจุดขายของรุ่นนี้ ออกแบบมาให้เราสามารถสั่งงานหรือตั้งค่าตัวหูฟังทั้งสองข้างได้โดยตรงจากหน้าจอสัมผัสตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนรูปหน้าจอเคส, ควบคุมการเล่นเพลง, ปรับระดับเสียง, เลือกโหมดการฟัง หรือจะตั้งพรีเซ็ตของเสียง
นอกจากนี้ยังสามารถซิงก์เข้ากับสมาร์ตโฟน เพื่อดึงข้อมูลจากสมาร์ตโฟน เช่น เวลา ระดับแบตเตอรี่ รับสายการโทรเข้า รวมถึงการแสดงข้อความทั้ง SMS และอีเมล์จากสมาร์ตโฟนมาแสดงยังหน้าจอแสดงผลที่ตัวเคสได้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้แหละครับคือจุดขายของ JBL Tour Pro 2 กับการมีจอแสดงผลเข้ามาช่วยทำให้ในระหว่างวันเราแทบจะไม่ต้องหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาบ่อย
— Design (งานออกแบบ)
วัสดุของตัวเคสหูฟังเป็นโพลีคาร์บอเนตผิวสัมผัสด้าน ผสมผสานเข้ากับวัสดุอลูมิเนียมที่ขอบฝาตัวเครื่อง การออกแบบผสมผสานแบบนี้ทำให้เวลามองด้วยตาจะให้ความรู้สึกเรียบหรูและพรีเมียม ด้านล่างเคสชาร์จจะมีพอร์ตชาร์จเป็น USB Type-C และมีปุ่มข้าง ๆ ใช้สำหรับกดเปิด-ปิดหน้าจอ มีสีดำ
ส่วนตัวหูฟังออกแบบมาเป็นทรงท่อวงรี พื้นผิวสัมผัสเป็นเนื้อเดียวกับกล่องชาร์จ ด้านในมีไดร์เวอร์ JBL PRO-tuned ขนาด 10 มม. และมีไมโครโฟน 6 ตัว ช่วยประสิทธิภาพในการพูดคุยกับคู่สนทนาได้ดีครับ
แต่จากที่ลองทดสอบคุยเวลาเดินคุยริมถนนที่มีการจราจรหนาแน่น มีบางครั้งคู่สนทนาบอกว่า เสียงเราเบาลงเหมือนเดินออกห่างจากมือถือ นอกจากนี้ข้างในกล่องยังมีจุกหูฟังซิลิโคนแถมมาให้เปลี่ยน 3 ไซซ์ด้วยกัน
— สเปกของ JBL Tour Pro 2
Bluetooth | 5.3 |
Sensitivity | 100 dB SPL@1 kHz |
Microphone sensitivity | -38 dBV/ Pa@1 kHz |
Maximum SPL | 95 dB |
Impedance | 16 ohm |
Frequency Response | 20 Hz – 20 kHz |
Bluetooth Transmitter Frequency | 2.4 GHz – 2.4835 GHz |
Bluetooth Profiles | A2DP V1.3.2, AVRCP V1.6.2, HFP V1.7.2 |
Music Playtime with BT | Talk Time with BT | <2 hours from empty | >6 hours |
Power Supply | 5V 1A |
— เมนูการตั้งค่า – ควบคุมหูฟังบนหน้าจอแสดงผล
ตอนเริ่มต้นใช้งานเราจำเป็นต้องนำตัวเคสไปชาร์จไฟ เพื่อกระตุ้นตัวเครื่องก่อนนะครับ หลังจากนั้นจึงทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนที่เราใช้งานด้วยแอปฯ “JBL Headphones” รองรับทั้ง Android OS และ iOS
ขั้นตอนการเชื่อมต่อ เริ่มจากเราต้องแกะพลาสติกที่ก้านหูฟังออกให้หมด เพราะเขาปิดมาไม่ให้แถบแม่เหล็กแตะกัน เมื่อแกะออกแล้ว ก็ให้กลับมาเปิดบลูทูธบนสมาร์ตโฟน และทำการค้นหา “JBL Tour Pro 2” แล้วทำการเชื่อมต่อ เป็นอันเสร็จครับ เมื่อเชื่อมต่อแล้ว เราสามารถใช้งานหูฟังได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ในแบบ Multi Point ผ่าน Bluetooth
เพื่อควบคุมการใช้งานของฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ใน JBL Headphones app ตัวช่วยปรับเสียงจากหูฟังให้เป็นไปตาม Lifestyle ทั้งตั้งค่า EQ เสียง, ปรับระดับโหมด ANC หรือรับเสียง Ambient เข้ามาเพื่อความเหมาะสมตามสถานการณ์, เลือกโหมดการรับฟัง
และปรับเปลี่ยนฟังก์ชันระบบสัมผัสที่ก้านหูฟัง พร้อมการใช้งานฟังก์ชั่น Personi-fi 2.0 เพื่อปรับจูนความถี่ของย่านเสียงให้เหมาะกับตัวเอง ส่วนบนตัวแอปฯ จะมีเมนูและคำสั่งการตั้งค่าตัวหูฟังให้เราเลือกปรับแต่งการขับเสียงได้ตามต้องการ รวมถึงการปรับเปลี่ยน Wallpaper การเรียงเมนู และการแสดงผลต่าง ๆ บนหน้าจอที่ตัวเคสได้ด้วย
— จอแสดงผลบนเคสรุ่นแรกของโลก!
มากันที่คีย์หลักที่เป็นจุดขายของหูฟังไร้สาย JBL Tour Pro 2 กันครับ นั่นคือ “จอแสดงผล” บนตัวเคสชาร์จ โดยเป็นรุ่นแรกของโลกที่ทำเลย สำหรับจอแสดงผลของ JBL Tour Pro 2 หน้าที่ของเขาก็คือ Second Display หรือการเป็นหน้าจอที่สองในการใช้งานหูฟังตัวนี้ โดยเข้ามาช่วยลดการหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาใช้งาน เพราะบางสถานการณ์การหยิบตัวเคสขึ้นมาสั่งการ เช่นเปลี่ยนเพลง, ปรับแต่งรูปแบบการฟัง หรือปรับแต่ง EQ ไม่สะดวกเอาเสียเรื่อง ดังนั้นการหยิบตัวเคสที่ขนาดกระทัดรัดกว่าจะคล่องตัวกว่า
บนหน้าจอของ JBL Tour Pro 2 จะแสดงผลด้วยหน้าเมนูทั้งหมด 12 เมนู ประกอบด้วย
- เล่นเพลง
- ปรับระดับเสียง (Volume)
- พื้นหลัง (Wallpaper)
- การตั้งการแจ้งเตือน (Notification)
- การตั้งค่า Auto Play & Pause
- ตามหาหูฟังด้วยเสียง
- ไฟฉาย (Flashlight)
- ปรับระดับความสว่างของหน้าจอ
- ปรับโหมดการฟัง (Ambient Sound)
- Equalizer
- ตั้งเวลาการฟัง
- Spatial Sound
— เสียง และฟีเจอร์ด้านเสียง
True Adaptive Noise Cancelling (ANC)
น่าจะคุ้นเคยกันดีสำหรับระบบตัดเสียงรบกวนจากรอบข้างที่เป็นพื้นฐานของหูฟังไร้สายยุคนี้ไปแล้ว และแน่นอน JBL Tour Pro 2 ก็มีระบบ ANC มาด้วยเช่นกัน โดยการตัดเสียงของ Tour Pro 2 จะตัดเสียงรอบข้างได้ประมาณ 80% จากการประเมินส่วนตัวของผมนะครับ
เพราะถ้าเทียบกับหูฟังไร้สายที่ผมมีอย่าง SONY XM4 และ Apple AirPods Pro รุ่นแรก การตัดเสียงรอบข้างจะอยู่ระดับ Apple AirPods Pro รุ่นแรกเลยครับ นอกจากนี้ยังมีโหมด Ambient Mode เมื่อเปิดแล้วหูฟังก็จะรับเสียงบรรยากาศรอบ ๆ ข้างเข้ามาส่วนหนึ่ง เพื่อให้เราพอได้ยินเสียงรอบข้างได้บ้าง และสุดท้ายคือ Talk Thought หูฟังจะเปิดรับเสียงจากข้างนอกเข้ามาหมดเลย เพื่อให้การสนทนาโดยไม่ต้องถอดหูฟัง
Immersive JBL Spatial Sound
เทคโนโลยีจาก JBL ให้การรับชม รับฟังเสียงโอบล้อมสมจริงเหมือนอยู่ในโรงละคร คอนเสิร์ต หรือสตูดิโออย่างถึงอารมณ์ และยังมี Auto Play/Pause ที่เพลงจะหยุดเมื่อถอดหูฟังออกและเล่นเมื่อใส่หูฟังกลับเข้าไป แต่ถ้าใครคิดว่าไม่ชอบใช้งานระบบนี้ ก็เข้าไปตั้งค่าโดยการปิดระบบได้ใน JBL Headphones App และโหมด Silent Now เพิ่มสมาธิ ความเป็นส่วนตัวโดยตัดเสียงรบกวนจากรอบข้าง โดยที่เราไม่ต้องเปิดเพลง อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาเตือนเราได้อีกด้วย
— สรุปและการวางจำหน่าย
JBL Tour Pro 2 เป็นหูฟังไร้สายตัวท็อปสุดประจำปีนี้ของ JBL แล้วล่ะครับ ดังนั้นใครที่เป็นแฟนบอยของ JBL ผมก็แนะนำว่าจัดได้เลยครับ ส่วนใครที่กำลังสนใจและเปรียบเทียบอยู่ หูฟังรุ่นนี้สำหรับส่วนตัวผมคิดว่า เสียงที่ได้จะมีความเคลียและใส การโอบล้อมถ้าหากเปิด Spatial Sound ช่วย ก็ฟังสนุกอยู่ครับ ดังนั้นถ้าชอบฟังดนตรีแนวนี้น่าจะชอบกัน
ส่วนถ้าใครชอบแนวดนตรีเบสดึบๆ ดนตรีหนักแน่น ส่วนตัวคิดว่าหูฟังตัวนี้อาจจะไม่ใช่แนว ถึงแม้จะปรับ EQ แล้ว ส่วนตัวก็คิดว่า ด้วยพื้นฐานที่ถูก Tune up มาแบบนั้น เลยยังมีความดึบไม่มากพอสำหรับคนที่ชอบฟังดนตรีแนว Heavy แน่ ๆ
ใครที่สนใจ ทาง JBL วางจำหน่าย JBL Tour Pro 2 ในราคา 9,990 บาท สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada และร้านค้าตัวแทนทั่วประเทศ เข้าไปลองฟังลองเล่นตัวจริงกันได้เลย มีการประกันตัวเครื่องให้ 1 ปี และถ้าลงทะเบียนในไลน์จะบวกเพิ่มอีก 3 เดือนครับ
ขอขอบคุณ JBL ประเทศไทย และบริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด