รีวิว Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น Xiaomi Fan Festival Special Edition มาพร้อมสีตัวเครื่องและโลโก้ XFF

Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่นพิเศษ Xiaomi Fan Festival Special Edition (2024) เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นพิเศษของ Xiaomi ที่จะออกแบบเป็นพิเศษในทุกปี เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบก่อตั้งบริษัท Xiaomi ในทุกวันที่ 6 เมษายน ซึ่งในแต่ละปีรุ่นพิเศษก็จะมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกันถูกเปลี่ยนไปตามธีมที่ Xiaomi กำหนดมานั่นเอง

โดยของปีนี้จุดเด่นของรุ่น XFF หรือ Xiaomi Fan Festival Special Edition 2024 บน Redmi Note 13 Series ก็จะมาในธีม “Our Iconic Moment” ที่ต้องการเชิญชวน Mi Fan ทุกคนมาสร้างโมเมนต์ที่โดดเด่นร่วมกัน โดยมาพร้อมตัวเครื่องสีพิเศษสีเงิน Mystic Silver และประดับด้วยโลโก้ XFF ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมสติ๊กเกอร์ลายพิเศษในกล่อง


🛒 สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์


นอกเหนือจากเรื่องราวของดีไซน์ตัวเครื่องที่มีการออกเป็นพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบก่อตั้งบริษัทแล้ว ในด้านสเปกตัวเครื่องยังคงมาพร้อมพื้นฐานสเปกเหมือนกับรุ่นปกติเกือบทุกประการครับ จะแตกต่างกันแค่ขนาดความจุของ RAM และ ROM เท่านั้น และยังมาพร้อมจุดขายหลักคือ “สเปกในระดับมือถือเรือธง แต่มาในราคาหลักหมื่น” เหมือนเดิม

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกล้องถ่ายรูปความละเอียด 200MP พร้อมคุณสมบัติการถ่ายรูปที่หลากหลาย, จอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 1.5K รวมไปถึงการใช้ชิปเซ็ต Dimensity 7200-Ultra ของค่าย MediaTek พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีชาร์จไว 120W มาให้ด้วย เกริ่นมาแค่นี้ก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะครับ เราไปติดตามความเก่งในระดับเรือธงของ “Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition (2024)” พร้อมกันได้เลย!

เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจ

ข้อมูลสเปกตัวเครื่องของ Redmi Note 13 Pro+ 5G (Xiaomi Fan Festival Special Edition)

  • หน้าจอแสดงผล CrystalRes ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2,712 x 1,220 พิกเซล (1.5K Resolution)
    — Refresh Rate 120Hz (ปรับได้ 60Hz และ 120Hz)
    — Peak Brightness : 1800nits

    — Color depth: 12-bit
    — Contrast ratio: 5,000,000:1
    — DCI-P3 wide color gamut
    — Corning® Gorilla® Glass Victus®

    — Supports Dolby Vision®
    — Reading mode
    — TÜV Rheinland certifications : Flicker Free, Circadian Friendly, Low Blue Light
  • CPU MediaTek Dimensity 7200-Ultra (4nm.) 2.8GHz
  • GPU Mali G610
  • หน่วยความจำ RAM 12GB (LPDDR5) 
  • หน่วยความจำ ROM 512GB (UFS 3.1)
  • กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 200MP (f/1.65) + กล้อง Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8MP (f/2.2) + กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (F2.4)
  • กล้องหน้า Portrait ความละเอียด 16MP (f/2.4)
  • เครือข่าย
    — 2G : GSM: 850 900 1800 1900MHz
    — 3G: WCDMA:1/2/4/5/6/8/19
    — 4G: LTE FDD: 1/2/3/4/5/7/8/12/13/17/18/19/20/26/28/32/66
    — 4G: LTE TDD: 38/40/41 – 5G: n1/3/5/7/8/20/28/38/40/41/66/77/78
  • การเชื่อมต่อ
    — Wi-Fi 6 
    — Bluetooth 5.3
    — IR Blaster

    — GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
    — NFC, พอร์ต USB Type-C
  • รองรับซิมการ์ด Dual SIM (Nano SIM + eSIM หรือ Nano SIM + Nano SIM)
  • ระบบยืนยันตัวตน : In-display Fingerprint Sensor, AI Face Unlock
  • ลำโพงคู่สเตอริโอ รับรองระบบเสียง Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ 5000mAh พร้อมบชาร์จไว 120W HyperCharge
  • MIUI 14 บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 13 
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
  • ตัวเลือกสี : สีดำ (Midnight Black), สีขาว (Moonlight White), สีม่วง-ฟ้า (Aurora Purple) และ สีเงิน (Mystic Silver) เฉพาะรุ่น XFF เท่านั้น
  • ขนาดตัวเครื่อง : 161.4mm x 74.2mm x 8.9mm

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง Redmi Note 13 Pro+ 5G (Xiaomi Fan Festival Special Edition)
  • อแดปเตอร์ (120W HyperCharge)
  • สติ๊กเกอร์ลายพิเศษ XFF Edition
  • สายชาร์จ USB-C
  • เข็มจิ้มถาดซิม
  • เคสป้องกันรอยตัวเครื่อง (Soft Case)
  • ฟิล์มป้องกันรอยบนหน้าจอ (ติดมาให้เรียบร้อยแล้ว)
  • คู่มือการใช้งาน
  • ใบรับประกันสินค้า


— Special Design for Xiaomi Fan Festival  |  ดีไซน์พิเศษ สำหรับโอกาสพิเศษของ Xiaomi

ถ้าหากพูดถึงรุ่นพิเศษ Xiaomi Fan Festival Special Edition (2024) แน่นอนเลยว่าเรื่องของ “Design” คือจุดขายแรกของรุ่นนี้!

Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น Xiaomi Fan Festival Special Edition (2024) มาพร้อมงานคอนเซ็ปต์งานออกแบบ “New Design, New Form” ที่ชูจุดขาย 3 อย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของงานอกแบบตัวเครื่องบน Redmi โดยอย่างแรกคือ การเลือกใช้จอแสดงผลแบบโค้งเป็น ‘ครั้งแรก’ บนสมาร์ตโฟน Redmi Series  

เอกลักษณ์ที่สองคือการออกแบบฝาหลังสไตล์ทูโทน โดยที่สีฝาหลังจะถูกแบบออกเป็นสองส่วนบนและล่างและเลือกใช้สีที่แตกต่าง โดยในรุ่นพิเศษนี้จะเลือกใช้เป็นสีเงินด้านกับสีเงินสว่างตัดกัน พร้อมกับใส่โลโก้ Xiaomi Fan Festival ของปี 2024 ไว้ที่ฝาหลังตัวเครื่องด้วย

จุดเด่นสุดท้ายคือ กล้องถ่ายรูป ที่ออกแบบสไตล์ “Deco-Less” หรือออกแบบสไตล์ดิบ ๆ ที่ไม่ต้องตกแต่งอะไรมากมาย ใช้ความเป็นธรรมชาติเป็นจุดขายให้ดูลงตัวนั่นเอง

นอกจากจุดเด่นงานออกแบบทั้งสามอย่างแล้ว ตัวเครื่องของ Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024) ได้รับการออกแบบให้มีความทนทานเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่การปรับความหนาของบอร์ด PCB ให้มากขึ้นจากรุ่นก่อน เสริมความแข็งแรงของมุมตัวเครื่องทั้งสี่ เพื่อรองรับการตกหรือกระแทกด้วยวัสดุอลูมิเนียมคอมโพสิต และมีการเสริมชั้นดูดซับแรงกระแทกเข้ามา เพื่อลดระดับความเสียหายให้น้อยลงเมื่อมีการกระแทกที่รุ่นแรง

⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ


— 200MP Triple Camera  |  คุณภาพสูง ถ่ายสนุก ฟีเจอร์แน่น

กล้องถ่ายรูปของ Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024) ยังคงใช้ชุดเดียวกับรุ่นปกติทั้งหมดเลย โดยมาพร้อมกล้องถ่ายรูป Triple Camera ที่ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 200MP (F1.65), กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 8MP (F2.2) และกล้องมาโครความละเอียด 2MP (F2.4) พร้อมไฟแฟลช LED 2 ดวง ลองไปชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องชุดนี้กัน

  อินเทอร์เฟซกล้องถ่ายรูป  

  ตัวอย่างภาพถ่ายทั่วไปของกล้อง Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024)  

ความเก่งของกล้องหลักที่ใช้เซ็นเซอร์ SAMSUNG ISOCELL HP3 ความละเอียด 200MP (F1.65) พร้อมด้วยเลนส์ 7P มีระบบ OIS ในตัว คือ การเก็บรายละเอียดของวัตถุหรือบุคคลในภาพได้คมชัด และยังเก่งมาก ๆ ในด้านการถ่ายภาพในที่แสงน้อยครับ ผมได้ลองนำไปถ่ายภาพตอนประมาณทุ่มกว่าในที่มีแสงรอดเข้ามาประมาณ 20-30% แต่ภาพที่ได้เสมือนถ่ายตอน 4-5 โมงเย็น ทำเอาประหลาดใจมาก ๆ

นอกจากนี้ตัวกล้องยังจับโฟกัสได้ไวทั้งในสภาพแสงกลางแจ้งและแสงน้อยด้วย รวมทั้งยังสามารถถ่ายภาพซูมโดยที่รายละเอียดของภาพไม่สูญเสียด้วยคุณสมบัติ 4X Lossless ของตัวเซ็นเซอร์ ซึ่งผลงานหลังกล้องผลิตภาพถ่ายที่คมชัดพร้อมเอาไปใช้งานต่อได้ด้วยครับ สามารถนำไปปรับใช้กับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ดีเลย

โดยรวมถือว่าเป็นกล้องที่เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีมาก ถ่ายกลางคืน แสงน้อยถึงน้อยมากได้สบาย ถ้าให้จะครบเครื่องอีกหน่อยก็คือ ก็อยากให้ปรับปรุงเรื่องของการปรับแสง WB และคอนทรานต์ ที่ยังทำได้ไม่เก่งเท่าไรนัก นอกเหนือจากนี้ก็สามารถพกไปถ่ายได้ทุกที่ทุกเวลาเลย

———————-

  โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 200MP  

รูปถ่ายต้นฉบับ (12,240 x 16,320 พิกเซล)

รูปถ่ายผลลัพธ์ที่เลือกครอปมุมที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว

———————-

  โหมดถ่ายภาพบุคคล  

———————-

  โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง  

———————-

  โหมดถ่ายภาพกลางคืน  

———————-

  4X Lossless Zoom  

———————-

  โหมดถ่ายภาพมาโคร  

———————-

  Film Frame  

———————-

  Film Filter  

———————-

  Xiaomi ProCut  

⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ


—  Software & Performance  |  เล่นสนุก เอ็นเตอร์เทนครบเครื่อง

MIUI 14 Base on Android 13

Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024) ยังคงมาพร้อม MIUI 14 บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 13 ตั้งแต่แกะกล่อง ยังไม่ได้มาพร้อม HyperOS คาดว่าน่าจะได้รับอัปเดตเป็น HyperOS ตามมาแน่นอน อินเทอร์เฟซของ MIUI 14 ยังคงมีการออกแบบให้มีสีสันสดใส เรียบง่าย เป็นมิตรกับผู้ใช้ และมีตัวเลือกปรับแต่งการใช้งานที่หลากหลายตามสไตล์ Android User ที่ชอบซุกซนปรับแต่งสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง

มีสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ, สแกนใบหน้า และชุดระบบความปลอดภัยพื้นฐานอย่าง Password, Pin Code เป็นระบบความปลอดภัยต่อข้อมูลบนตัวเครื่อง และยังคงเห็น ‘Bloatware’ หรือ แอปพลิเคชั่นที่บังคับติดตั้งมากับเครื่องตอนเริ่มต้นอยู่ แต่ถ้าหากใครไม่ได้ใช้ก็สามารถถอนการติดตั้งเมื่อเปิดเครื่องได้ครับ 

อินเทอร์เฟซ MIUI 14 บน Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024)

Dimensity 7200 Ultra | RAM LPDDR5 | ROM UFS 3.1

ประสิทธิภาพการทำงานบนตัวเครื่องในภาพรวมบอกได้เลยว่า เป็นสมาร์ตโฟนที่จะทำให้ทุกคนไม่ผิดหวังแน่นอนกับราคานี้ เพราะตัวเครื่องทำงานได้ทันใจ เล่นเกมได้สนุก ต่อเนื่อง แต่ยังมีบางเกมที่ยังไม่รองรับการปรับกราฟฟิกระดับสูงได้ แต่ถ้ามองภาพรวมก็ยืนยันครับว่า ให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ไม่แพ้คู่แข่งในเรทราคาเดียวกันแน่นอน ด้วยขุมพลัง MediaTek Dimensity 7200 Ultra ชิปเซ็ต Octa-core (4nm.) รุ่นปรับปรุงใหม่ของซีรีส์ 7200 ทำงานร่วมกับ RAM LPDDR5 ขนาด 12GB และ ROM UFS 3.1 ขนาดความจุมากถึง 512GB

พร้อมทั้งมีแผงระบายความร้อน VC ที่กว้าง 4,000 ตร. มม. และพื้นที่ระบายความร้อนด้วยแกรไฟต์ 11,000 ตร.มม. ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนทำได้เร็วและต่อเนื่องขึ้น จากที่ทดสอบเล่นเกมต่อเนื่อง 2-3 ชั่วโมง ตัวเครื่องจะรู้สึกร้อนในตอนต้นสักพักจากนั้นอุณหภูมิก็จะลดลงมาในระดับอุ่น ๆ แล้วก็จะรู้สึกอุ่นตลอดการเล่นไปยาว ๆ เลย ดังนั้นในด้านประสิทธิภาพการทำงาน ใช้งานแอปฯ เล่นเกม เล่นโซเชียล ตัดต่อตกแต่งภาพหรือวีดีโอสั้นภาพแอปพลิเคชั่น รับจบได้หมดในรุ่นนี้ 

อินเทอร์เฟซ Game Turbo

  คะแนนการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Benchmark  

DISPLAY Crystal AMOLED 1.5K Resolution

Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024) อย่างที่เกริ่นไปช่วงต้นว่า เป็นครั้งแรกกับการติดตั้งจอแสดงผลแบบโค้งบนสมาร์ตโฟน Redmi Series และมาพร้อมจอคุณภาพสูงด้วยนะ โดยเป็นจอแสดงผล CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล (1.5K Resolution) ครอบทับด้วยกระจกกันกระแทกอย่าง Corning Gorilla Victus เลยทีเดียว และมีขอบจอด้านล่างทีบางเพียง 2.37 มม. เท่านั้น ทำให้รับชมภาพได้สมจริงยิ่งขึ้นด้วยจอเกือบไร้ขอบ

ตัวจอมีความหนาแน่นพิกเซล (PPI) 446 PPI มีค่ารีเฟรชเรท 120HZ สามารถปรับให้อัตโนมัติตามการใช้งาน มีค่าการกระพริบสูงถึง 1920Hz มีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสสูงถึง 2160Hz และรองรับคุณสมบัติการแสดงผลครบทุกหมวด เช่น HDR10+, HLG และรองรับการแสดงผล Dolby Vision บน Netflix ได้ด้วย ซึ่งเป็นจอแสดงผลระดับเรือธงเลยก็ว่าได้นะ รับชมคอนเทนต์ได้อรรถรสแน่นอนไม่ว่าจะซีรีส์ ภาพยนตร์ มิวสิควีดีโอ หรือเล่นเกม 

คุณสมบัติจอแสดงผลของ Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024) 

  • อัตรารีเฟรช: สูงสุด 120Hz
  • ความสว่าง: ความสว่างสูงสุด 1800 nits
  • ความลึกของสี: 12 บิต
  • อัตราคอนทราสต์: 5,000,000:1
  • ความละเอียด: 2712×1220, 446PPI
  • ช่วงสี: DCI-P3 100%
  • กระจก Corning® Gorilla® Victus®
  • รองรับ Dolby Vision®
  • รองรับโหมดอ่านหนังสือ
  • การหรี่ไฟ PWM 1920Hz
  • การปรับความสว่างถึง 16,000 ระดับ
  • HDR10+
  • ได้รับการรับรองแสงสีฟ้าต่ำจาก TÜV Rheinland (ฮาร์ดแวร์โซลูชัน)
  • ได้รับการรับรอง Circadian Friendly จาก TÜV Rheinland
  • ได้รับการรับรองความไร้ซึ่งแสงกะพริบจาก TÜV Rheinland

———————-

Stereo Speaker 

ระบบเสียงของ Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024) มาพร้อมระบบเสียงคุณภาพเลยทีเดียวครับ โดยมาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ มีซอฟต์แวร์ปรับแต่งเสียง Dolby Atmos มาให้ในตัว และมีระบบปรับแต่งเสียงอัตโนมัติที่จะอิงตามคอนเทนต์ที่เราใช้เสียงอยู่ ซึ่งเสียงที่ขับผ่านลำโพงคู่ออกมาเป็นเสียงที่มีมิติ โอบล้อมผู้ฟังเบา ๆ พอฟังได้อรรถรสและสนุกอยู่ครับ

———————-

ป้องกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68

Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น XFF (2024) มาพร้อมมาตรฐานการป้องกันฝุ่นและน้ำเข้าตัวเครื่องตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งสามารถจมน้ำได้ลึกประมาณ 1 เมตร และมีเทคโนโลยี “Wet Touch” เพิ่มความไวต่อการสัมผัสหน้าจอเมื่อหน้าจอเปียกน้ำ ทำให้เวลามือเราเปียกน้ำจากการล้างมือ หรือพึ่งขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ ก็สามารถแตะตอบสนองหน้าจอได้เหมือนตอนปกติเลย

———————-

Battery 5000mAh + 120W HyperCharge

ด้านพลังงานบนตัวเครื่องส่วนตัวจากที่ใช้งานมา ผมคิดว่าในหนึ่งวันถ้าหากใช้งานทั่วไป เช่น เล่นโซเชียล ฟังเพลงออนไลน์ มีเล่นเกมบ้าง 1-2 ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh และซอฟต์แวร์ MIUI 14 ที่ทำเซอร์ไพร์เหมือนกัน เพราะว่าบริหารพลังงานบนตัวเครื่องให้เพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวันได้อยู่นะ โดยจากตอนเช้าที่ชาร์จไว้เต็มร้อย และมีใช้งานทั่วไปตลอดวันจนถึงช่วงหัวค่ำแบตเตอรี่ถึงจะเริ่มเข้าสู่โซน 20-30% ถือว่าทำได้ดีทีเดียว

 

ด้านการชาร์จพลังงานกลับเข้าเครื่อง ก็มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 120W HyperCharge ที่สามารถชาร์จเต็มร้อยได้ภายในเวลา 20-25 นาที เท่านั้น (ชาร์จร่วมกับอแดปเตอร์ 120W) พร้อมทั้งมีชิปความคุมการชาร์จ Xiaomi P1 เพิ่มความปลอดภัยขณะชาร์จ โดยจะคอยบริหารจัดการทรัพยากรขณะชาร์จให้เหมาะสม เช่น จัดการเรื่องกระแสไฟเพื่อเพิ่มความเร็วในการชาร์จเมื่อระดับแบตเตอรี่เหลือน้อย ความเร็วในการชาร์จเพิ่มขึ้นอีก 25% เมื่ออยู่ในสถานะแบตเตอรี่ต่ำ, รักษาอัตราการชาร์จให้สม่ำเสมอและลดอุณหภูมิระหว่างการเล่นเกม การถ่ายวิดีโอ และสถานการณ์การใช้งานหนักอื่นๆ และปรับตรรกะการชาร์จแบตเตอรี่แบบไดนามิก เพื่อชะลอการเสื่อมอายุของแบตเตอรี่

⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ


—  Conclusion  |  มือถือตัวคุ้ม มาตรฐานเรือธง ในราคา Mid-range 

บทสรุปของ Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่นพิเศษ Xiaomi Fan Festival Special Edition (2024) จัดให้เป็นสมาร์ตโฟนตัวคุ้มอีกตัวในตลาดมือถือ Mid-range ช่วงราคาหลักหนึ่งหมื่นบาท เหมือนที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้วว่า “Redmi Note Series” ของ Xiaomi ไม่เคยทำให้ผิดหวังในเรื่องนี้ นอกจากจะมาพร้อมวัสดุและงานออกแบบระดับเดียวกับสมาร์ตโฟนเรือธงราคาสองหมื่นปลาย ๆ แล้ว รอบนี้ยังมาพร้อมสีและลายพิเศษที่ฉลองครบรอบ 14 ปี ในการก่อตั้งบริษัท Xiaomi ด้วย ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นแฟนบอย Xiaomi หรือ Mi Fan อยู่แล้ว บอกได้เลยว่า “ห้ามพลาดทุกประการ” ครับ

แต่ถ้าหากเป็นคนที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนในงบราคาหลักหมื่นกลาง ๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องหลักของตนเอง และมีโจทย์ว่าอยากได้สมาร์ตโฟนที่อาจไม่ต้องเก่งด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ แต่สามารถตอบรับโจทย์การใช้งานได้ในทุกมิติก็พอ ไม่ว่าจะถ่ายรูปก็สวย เล่นเกมก็เล่นได้สนุก หรือดูหนังฟังเพลงก็ทำได้ดี Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่นพิเศษ Xiaomi Fan Festival Special Edition (2024) ตอบโจทย์ให้กับคุณได้แน่นอนครับ และยังได้ RAM มากถึง 12GB และ ROM 512GB ในราคาหมื่นกลางอีกด้วย บอกเลยว่า เป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ๆ เลย

⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ


—  Price & Promotion  |  ราคาและการวางจำหน่าย 

Xiaomi ประเทศไทย วางจำหน่าย Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่นพิเศษ Xiaomi Fan Festival Special Edition (2024) ความจุ 12GB + 512GB ในสี Mystic Silver ราคา 15,990 บาท ที่ร้าน Xiaomi Store ทั่วประเทศ โปรโมชันพิเศษในช่วง 1 – 30 เม.ย. 67 ลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 13 Pro+ 5G Special Edition จะได้รับเคสมือถือ BamBam สุดเอ็กคลูซีฟ พร้อมกระเป๋าเป้ Xiaomi Fan Festival 2024 มูลค่า 1,390 บาท*

⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ

 

Leave a Reply

Discover more from InsightDaily

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading