Xiaomi 13T กับการเป็น Best Choice Camera Phone of the Year 2023

เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะครับ ทำงานกันเพลิน วันเวลาก็เดินทางเข้าสู่ช่วงสิ้นปีกันอีกแล้ว ซึ่งตลอดปี 2023 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ก็เป็นอีกหนึ่งปีที่ตัวผมเองได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ พร้อมกับได้ทดลองเล่น รวมไปถึงได้เครื่องกลับมารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกันหลากรุ่นหลายแบรนด์ ซึ่งได้เห็นถึงการเติบโต การพัฒนา ของแต่ละแบรนด์จากปีก่อนว่าเติบโตอย่างไรกันบ้าง และจากประสบการณ์ที่ได้เล่นมือถือหลากหลายรุ่นเนี่ยล่ะครับ จึงทำให้ตัวผมเองก็มีสมาร์ตโฟนที่ทั้งประทับใจอยากเอาใจช่วย ตลอดจนเป็นกำลังใจให้พัฒนากันต่อไปไว้ในใจด้วย

เมื่อประกอบกับห้วงเวลาที่เดินทางเข้าสู่สิ้นปีแบบนี้ เราก็จะมีธรรมเนียมปฏิบัติในฐานะที่เป็นสื่อในวงการสมาร์ตโฟนเทคโนโลยี ที่จะหยิบสมาร์ตโฟนที่ผมหรือทีมงาน Insight Daily ได้ลองเล่น ได้รีวิว หรือได้ไปสัมผัสจากงานเปิดตัวมาจัดอันดับให้เป็น “Smartphone of the Year” ของ Insight Daily กันครับ เพื่อมอบให้เป็นรางวัลแก่แบรนด์ในการเป็นแรงกำลังใจให้ลุยกันต่อ รวมถึงเป็นทางเลือกให้กับแฟนเพจหรือแฟน ของ Insight Daily ไว้พิจารณากันด้วยครับ ซึ่งในปีนี้ผมก็ขอเริ่มต้นด้วยหนึ่งในสมาร์ตโฟนถึงแม้จะไม่ใช่รุ่นใหญ่ แต่หัวใจน้องเขาสู้ รวมทั้งผมเองก็ประทับใจในความเก่งด้านการถ่ายภาพ จนขอหยิบมาเป็นหนึ่งใน Insight Choice : Smartphone of the Year 2023 ในครั้งนี้ โดยสมาร์ตโฟนรุ่นนั่นก็คือ

“Xiaomi 13T” นั่นเองครับ! อีกหนึ่งตัวตึงของตลาดมือถือ “Mid-range” กับความเก่งในด้านการถ่ายภาพที่สู้กับมือถือรุ่นพี่ หลายรุ่นในตลาดมือถือของปีนี้ได้สบาย ตลอดจนประสิทธิภาพ งานออกแบบ และราคาที่พอรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำเอาหนักใจไม่น้อยที่จะไม่รักสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ส่วนเหตุผลที่ทำไมผมถึงประทับใจจนต้องหยิบมาเป็น Smartphone of the Year 2023 ในครั้งนี้ ลองมารับชมรับฟังไปพร้อมกันด้านล่างได้เลยครับ!

— Authentic Leica Imagery | ถ่ายภาพสวย สนุก และสัมผัสถึงโมเมนต์ในภาพ

เหตุผลแรก! ที่ผมประทับใจใน Xiaomi 13T ก็คือเรื่องของกล้องถ่ายรูปที่ถ่ายภาพได้สวย คมชัด สนุก และถ่ายทอดอารณ์ผ่านภาพหลังกล้องออกมาได้ถึงอารมณ์นั้น   ซึ่งเป็นเรื่องจริงครับที่ว่า ตอนนี้มีมือถือที่ถ่ายภาพได้เก่งหลายรุ่นในตลาด แต่การเป็นมือถือที่มีกล้องคุณภาพ ถ่ายออกมาแล้วสวย คมชัด พร้อมกับถ่ายทอด “Emotional” ของเหตุการณ์ในภาพออกมาเหมือนกับที่เราเห็น สิ่งนี้สำหรับผมแล้วมันอาจจะไม่ใช่ทุกรุ่นที่ทำได้!

เพราะการจะทำเช่นนี้ได้องค์ประกอบในภาพต้องดีมาก ไม่ว่าจะเป็น สตอรี่ที่เกิดขึ้น, มุมมองของภาพที่เลือกถ่าย, รายละเอียดของสิ่งต่าง ในภาพ และแน่นอนสีสันของภาพด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นความโดดเด่นบนกล้องของ Xiaomi 13T จากผลลัพธ์ของการร่วมมือกันระหว่าง Xiaomi และ Leica จนนำมาสู่การติดตั้ง “The Leica Professional Camera System” เข้ามาบนตัวเครื่อง 

ที่ประกอบไปด้วยชุดกล้องถ่ายรูป Triple Camera พร้อมเลนส์ “Leica Professional Optical Lens” (LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH.) โดยตัวกล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ SONY IMX707 ความละเอียด 50MP (F1.9) มีระบบกันสั่น OIS, กล้อง Telephoto ใช้เซ็นเซอร์ OV50D ความละเอียด 50MP (F1.9) และกล้องเลนส์มุมกว้างความละเอียด 12MP (F2.2)

เรื่องของสเปกกล้องก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กล้องของ Xiaomi 13T มีความเก่ง คมชัดสมจริง แต่ที่ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเป็นจุดที่ทำให้กล้องชุดนี้มีความโดดเด่นและถ่ายสนุก ก็คือ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look สองโหมดถ่ายภาพสำคัญที่ทำให้สมาร์ตโฟนซีรีส์นี้มีความพิเศษเอามาก และตอบโจทย์ตามที่ผมได้เกริ่นไว้ในช่วงต้นว่า เป็นกล้องที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของภาพถ่ายได้ดีด้วยโทนสี ซึ่งสิ่งนี้แหละครับที่เป็นจุดเด่นของ Leica Camera มาโดยตลอด และตอนนี้ได้ถูกถ่ายทอดมายังสมาร์ตโฟน Xiaomi 13T Series นั่นเอง

โดยโหมดถ่ายภาพทั้งสองสไตล์ จะเป็นการให้เราถ่ายภาพได้เสมือนกับใช้เลนส์ Leica แบบดั้งเดิมสองสไตล์ด้วยกันคือ การถ่ายภาพด้วยโทนสีของ Leica ดั้งเดิมที่จะมีความ vintage ผสมผสานเข้ากับการใช้สีเทาดำมาบิ้วอารมณ์ของภาพ และอีกโหมดก็จะเป็นโหมดถ่ายภาพที่เน้นสีสันสดใสตามเทรนด์ปัจจุบันแต่มีการปรับเฉดสีให้สดใสตามสไตล์ของ Leica และเมื่อได้เลนส์ Aspherical 7P ของ Leica ที่ออกแบบมาเพื่อให้จับแสงได้มากขึ้น มีการเคลือบ ALD หลายชั้น เพิ่มอัตราการส่งผ่านแสงและลดการสะท้อนของแสงได้มาก และยังสามารถดูดซับแสงสะท้อนได้ประมาณหนึ่งด้วย ก็ยิ่งทำให้ภาพหลังกล้องออกมาสมจริงมากขึ้น

ยังไม่พอนะ! ทาง Xiaomi เขายังมีการเติม Xiaomi Imaging Engine ที่ทำหน้าที่จับภาพในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Xiaomi ProFocus ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการเก็บรายละเอียดของวัตถุที่เราสนใจในภาพ ขณะที่ต้องจับภาพด้วยความรวดเร็ว ทำให้เราสามารถถ่ายภาพโดยไร้เงื่อนไขในเรื่องของภาพเคลื่อนไหวด้วย จึงทำให้ภาพรวมการถ่ายด้วยกล้องของ Xiaomi 13T มีความเก่ง ถ่ายสนุก และสามารถสื่ออารมณ์ผ่านภาพให้กับเราหรือคนที่เราต้องการมีบรรยากาศในภายหลังได้ด้วยโทนสีพิเศษบนตัวเครื่อง

ชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Xiaomi 13T 


เทียบระยะภาพถ่ายกล้องมุมกว้างพิเศษ, กล้องหลัก และกล้องเทเลโฟโต


ฟิลเตอร์พิเศษจาก Leica ทั้งหมด 6 แบบ เพิ่มใหม่ 2 แบบ คือ Leica Sepia และ Leica Blue


การถ่าย Portrait กับคุณสมบัติการถ่ายในระยะเลนส์ 35mm. | 50mm. | 90mm.


ตัวอย่างภาพถ่ายเพิ่มเติมจาก Xiaomi 13T


— Masterpiece Performance | ตอบทุกโจทย์การใช้งานในยุคใหม่

นอกจากเรื่องของกล้องถ่ายรูปที่ผมร่ายเหตุผลถึงจุดเด่นของรุ่นนี้ไปซะเยอะแล้ว! อีกเหตุผลที่ผมยก Xiaomi 13T มาเป็น Smartphone of the Year 2023 ในปีนี้ของตัวเองก็คือ เรื่องประสิทธิภาพ หรือ “Performance” ที่ทาง Xiaomi จัดสเปกฮาร์ดแวร์มาในระดับท็อปของตลาด แต่วางจำหน่ายในราคาระดับ Mid-range เท่านั้น!

Xiaomi 13T ถึงแม้จะเป็นรุ่นน้องเล็กในซีรีส์ แต่มาพร้อมชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8300-Ultra ทำงานร่วมกับ RAM LPDDR5 และ ROM UFS 3.1 ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกัน บอกได้เลยว่าการทำงานในระดับสูงที่ต้องใช้การ Multi-task สลับไปมาหลายแอปฯ หรือการเล่นเกมระดับสูงอย่าง Genshin Impact, Ragnarok Origin หรือเกมแนว First Person อย่าง Arena Breakout สามารถทำงาน และเล่นได้อย่างราบรื่น พร้อมกับได้อรรถรสในการรับชม ทำงาน และเล่นเกมครบถ้วนแน่นอนครับ

ส่วนเรื่องของความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อเล่นเกมต่อเนื่องหลายชั่วโมง ถ้าจะบอกว่าไม่มีก็คงจะไม่จริงใจเอาเสียเรื่องใช่ไหมล่ะครับ เพราะชิปเซ็ตระดับสถาปัตยกรรม 4nm. ARM-Cortex A78 – A55 ความเร็ว 3.0GHz แบบนี้ ยังไงก็ไม่รอดเรื่องนี้แน่นอน ต้องมีการเกิดความร้อนในระบบอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าหากมีระบบระบายความร้อนที่ดีเข้ามาช่วยก็จะทำให้เราสามารถใช้งานต่อเนื่องได้อย่างราบรื่นมากขึ้น

ซึ่งในเรื่องนี้ทาง Xiaomi เขาก็รับทราบ เลยพัฒนาและออกแบบพร้อมกับติดตั้งระบบ LiquidCool Technology ที่มีการออกแบบให้กระจายความร้อนผ่านแผ่น Soaking Plate VC ขนาด 5,000 มม.ที่ถูกออกแบบมาด้วยเหล็กสแตนเลส จากคุณสมบัติของวัสดุตัวนี้ ก็จะทำให้สามารถลดอุณหภูมิขณะใช้งานต่อเนื่องได้ไวและคงที่ ทำให้ตลอดเวลาที่เราเล่นเกมหรือใช้งานต่อเนื่อง ตัวความร้อนก็จะถูกลดทอนไปจากระบบนี้ ซึ่งตอนที่ผมลองทดสอบเล่นติดต่อกัน 1-2 ชั่วโมง ก็รู้สึกว่าระบบระบายความร้อนเอาอยู่นะ เพราะยังถือจับเล่นต่อได้สบาย เลยล่ะ 

CrystalRes AMOLED 6.67 นิ้ว | สว่าง สมูธ สบายตา!

นอกจากการเล่นเกม ทำงาน ที่ตัวเครื่องสามารถประมวลผลและตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีแล้ว ในด้านของหน้าจอแสดงผลที่นับว่าเป็นประตูบานแรกของการใช้งาน จอของ Xiaomi 13T ให้คุณภาพการแสดงผลที่ดีไม่แพ้การประมวลผลเหมือนกัน โดย Xiaomi 13T มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Flat Display CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มีค่า Refresh Rate 144Hz และมีค่า Touch Sampling Rate สูงถึง 480Hz ซึ่งจากคุณสมบัติทั้งหมดนี้ ผมยืนยันให้เลยว่า คุณจะสามารถรับชมคอนเทนต์วีดีโอบนแพลตฟอร์มสตรีมต่าง แบบเข้าถึงอารมณ์คอนเทนต์ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ 

คุณสมบัติเพิ่มเติมของจอแสดงผล Xiaomi 13T

  • 2,600-nit Peak Brightness
  • AdjustmentPro HDR Display
  • Dolby Vision®
  • HDR10+
  • Color Gamut: DCI-P3
  • 68 Billion Colors (10-Bits)
  • True DisplayTrueColor Display: JNCD≈ 0.39, Delta E≈ 0.39* *
  • 2880Hz PWM Dimming
  • Adaptive Reading Mode
  • Sunlight Mode
  • Corning®️ Gorilla®️ Glass 5

Design | เรียบง่าย แต่สัมผัสมีระดับ

ถึงจะเป็นสมาร์ตโฟน Mid- range แต่งานออกแบบตัวเครื่อง ทาง Xiaomi ทำออกมาได้หรูหราไม่แพ้สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นอื่นเลย โดย Xiaomi 13T มาพร้อมคอนเซ็ปต์การออกแบบ “Exquisite Design Enticing Colors” การออกแบบหน้าจอที่ผสมผสานกระบวนการทำพื้นผิวโลหะระดับสูงทำให้ได้พื้นผิวที่ปราณีต พร้อมกับการใช้กระบวนการเจาะและตัดแบบเดียวกับการผลิตนาฬิกาหรู ตลอดจนกระบวนการขัดเงาที่ได้มาตรฐาน จึงทำให้ขอบเฟรมของตัวเครื่องทั้งหมดมีความมันวาว เนียน และดูหรูหรา ในขณะที่ด้านหลังตัวเครื่อง (สีฟ้า Alpine Blue) มีการใช้วัสดุหนังเทียมมาเป็นฝาหลังของตัวเครื่องด้วย ยิ่งเพิ่มระดับความเรียบหรูเป็นอย่างมากครับ สัมผัสการถือจับ “Master Piece” จริง

Battery | ใช้ได้ตลอดวัน มีชาร์จไว 

ในด้านของพลังงานตัวเครื่อง Xiaomi 13T มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว TurboCharge 67W ซึ่งทาง Xiaomi เคลมว่าสามารถชาร์จแบตฯ จนเต็มได้อย่างรวดเร็วภายใน 42 นาที ในขณะที่ MIUI 14 ที่เป็นซอฟต์แวร์บนตัวเครื่องก็ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาในเรื่องของการบริหารทรัพยากรบนเครื่องให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อน จึงทำให้ Xiaomi 13T สามารถใช้งานด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ได้นานตลอดวันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เมื่อรูปแบบการใช้งานเป็นแบบทั่วไป เล่นโซเชียล ดูสตรีมมิ่ง ฟังเพลง แต่ถ้าหากเริ่มใช้งานบางอย่างเน้นเป็นพิเศษก็อาจจะไปต่อได้ประมาณครึ่งวัน แต่เราก็สามารถไปต่อได้ต่อเนื่องด้วยการชาร์จไวนั่นเองครับ ในภาพรวมก็เป็นไปตามมาตรฐานสมาร์ตโฟนตอนนี้


— Everything Flagship for Affordable Price | ทุกอย่างของมือถือระดับเรือธงในราคาที่เข้าถึงได้

มาถึงบทสรุปของความประทับใจของผมกันแล้ว! จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างบน ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะพอเห็นภาพกันบ้างแล้วว่า ทำไมผมถึงหยิบ Xiaomi 13T เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟน “Smartphone of the Year 2023” ของเราในครั้งนี้ เพราะนอกจากจะมีความเก่งในด้านการถ่ายภาพที่ทำได้ดีและเก่งไม่แพ้สมาร์ตโฟนเรือธงบางรุ่นในตลาดแล้ว ในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน สเปกตัวเครื่อง งานออกแบบ รวมไปถึงราคาจำหน่าย ที่ทาง Xiaomi เปิดราคาจำหน่ายของ Xiaomi 13T ที่ราคา 15,990 บาท (RAM 12GB + ROM 256GB) เท่านั้น จึงไม่ยากล่ะเลยครับ ที่ผมจะหยิบสมาร์ตโฟนรุ่นนี้เข้ามาเป็น “Smartphone of the Year 2023” ของ Insight Daily ในปีนี้ และเชื่อว่าน่าจะเพื่อน หลายคนก็เลือกที่จะหยิบ Xiaomi 13T เข้าไปเก็บไว้ลิสต์มือถือใหม่ของตนเองแน่นอน

สำหรับใครที่อยากไปจัด Xiaomi 13T ก็สามารถเป็นเจ้าของกันได้ที่ร้านค้าตัวแทนของ Xiaomi ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ผ่าน Xiaomi Official Store บน Lazada และ Shopee ก็ขอฝากน้องเล็กที่ไม่ธรรมดานามว่า Xiaomi 13T ไว้เป็นตัวเลือกในใจ ที่เชื่อว่าหลายคนถ้าหากได้ลองสัมผัสและใช้งานจะหลงรักน้องคนนี้เหมือนผมแน่นอน 

 

Leave a Reply

Discover more from InsightDaily

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading